งานประสานงาน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กรุงเทพมหานคร
Maejo University Coordinating Office , Bangkok Thailand
มหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดงานแสดงกตเวทิตาจิตผู้เกษียณอายุ ประจำปี 2568 “กตเวทิตาจิต ร้อยดวงใจสานสายใยชาวแม่โจ้”
วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2568 มหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดงานแสดงกตเวทิตาจิตผู้เกษียณอายุ ประจำปี 2568 “กตเวทิตาจิต ร้อยดวงใจสานสายใยชาวแม่โจ้” เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ ตระหนักถึงความสำคัญและความเสียสละของบุคลากรทุกท่าน และร่วมน้อมคารวะต่อผู้อาวุโสที่ครบวาระเกษียณอายุ ผู้สร้างคุณูปการต่อองค์กรและต่อสังคม โดยได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นประธานในพิธี กล่าวขอบคุณและอวยพรแด่ผู้เกษียณอายุ พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร. เกรียงศักดิ์ ศรีเงินยวง รองอธิการบดี กล่าวรายงาน ซึ่งในปีนี้ มีจำนวน 34 ท่าน แบ่งเป็น ข้าราชการ จำนวน 3 ราย 1.รองศาสตราจารย์ ดร.ธวัลรัตน์ รัตนเดชานาคินทร์ ตำแหน่ง รองศาสตราจารย์ สังกัดคณะวิทยาศาสตร์ 2.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ทุเรียน ทาเจริญ ตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สังกัดคณะวิทยาศาสตร์ 3.นางพิทยา สุนทราวงศ์ ตำแหน่ง บรรณารักษ์ชำนาญการพิเศษ สังกัดฝ่ายพัฒนาทรัพยากรสารสนเทศ สำนักหอสมุด ลูกจ้างประจำ จำนวน 1 ราย 1.นายสวาท ใจสักเสริญ ตำแหน่ง พนักงานขับรถยนต์ ระดับ ส 2 สังกัดงานบริหารและธุรการ สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร พนักงานมหาวิทยาลัย จำนวน 24 ราย 1.รองศาสตราจารย์จักรพงษ์ พิมพ์พิมล ตำแหน่ง รองศาสตราจารย์ สังกัดคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร 2.รองศาสตราจารย์ ดร.ธีรนุช เจริญกิจ ตำแหน่ง รองศาสตราจารย์ สังกัดคณะผลิตกรรมการเกษตร 3.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิภัทร เจียมพิริยะกุล ตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สังกัดคณะผลิตกรรม การเกษตร 4.นายรุ่งโรจน์ มณี ตำแหน่ง นักวิชาการเกษตรปฏิบัติการ สังกัด สำนักงานคณบดีคณะผลิตกรรมการเกษตร คณะผลิตกรรมการเกษตร 5.นายเขต ศรีพรรณ ตำแหน่ง หัวหน้างานบริการการศึกษาและกิจการนักศึกษา สำนักงานคณบดีคณะผลิตกรรมการเกษตร คณะผลิตกรรมการเกษตร 6.อาจารย์กัญญา บุตราช ตำแหน่ง อาจารย์ สังกัดคณะวิทยาศาสตร์ 7.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กระสินธุ์ หังสพฤกษ์ ตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สังกัดคณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ 8.นายสุฤทธิ์ สมบูรณ์ชัย ตำแหน่ง นักวิชาการประมงชำนาญการ สังกัดงานบริการวิชาการและวิจัย คณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ 9.นางนวนจันทร์ ทองมา ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานคณบดีคณะพัฒนาการท่องเที่ยว สังกัด คณะพัฒนาการท่องเที่ยว 10. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปิยะพันธุ์ นันตา ตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สังกัดคณะศิลปศาสตร์ 11. รองศาสตราจารย์ ดร.อารีย์ เชื้อเมืองพาน ตำแหน่ง รองศาสตราจารย์ สังกัดคณะเศรษฐศาสตร์ 12. ผู้ช่วยศาสตราจารย์อัจฉรี เหมสันต์ ตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สังกัดคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และ การออกแบบสิ่งแวดล้อม 13. นางรัตนา กันตีโรจน์ ตำแหน่ง นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สังกัด คณะพยาบาลศาสตร์ 14. นางณิชาพล บัวทอง ตำแหน่ง นักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการ สังกัดงานบริการการศึกษาและกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ – ชุมพร 15. นายธนวัฒน์ รอดขาว ตำแหน่ง นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ สังกัดงานปรับปรุงและขยายพันธุ์พืชและสัตว์ สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร 16. นางสาวฐิตารีย์ พรหมเศรษฐการ ตำแหน่ง ผู้ปฏิบัติงานบริหารปฏิบัติงาน สังกัดฝ่ายพัฒนาการศึกษาและหลักสูตร สำนักบริหารและพัฒนาวิชาการ 17. นางธัญลักษณ์ อารยพิทยา ตำแหน่ง นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สังกัดงาน กองแผนงาน สำนักงานมหาวิทยาลัย 18. นางสาวอนงค์ ไชยแก้ว ตำแหน่ง ผู้ปฏิบัติงานบริหารปฏิบัติงาน สังกัด กองพัฒนานักศึกษา สำนักงานมหาวิทยาลัย 19. นายอนุสรณ์ วิจารณ์ปรีชา ตำแหน่ง นักวิชาการศึกษาปฏิบัติการ สังกัด กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม สำนักงานมหาวิทยาลัย 20. นายกฤษฎา ยศเดช ตำแหน่ง นักบริหารงานอาคารสถานที่ปฏิบัติการ สังกัด กองกายภาพและสิ่งแวดล้อม สำนักงานมหาวิทยาลัย 21. นายสมมิตร ทองยู ตำแหน่ง ช่างเทคนิคปฏิบัติงาน สังกัดงานระบบสาธารณูปโภค กองกายภาพและสิ่งแวดล้อม สำนักงานมหาวิทยาลัย 22. นายปรีดา ริณพัฒน์ ตำแหน่ง ช่างเทคนิคปฏิบัติงาน สังกัด กองกายภาพและสิ่งแวดล้อม สำนักงานมหาวิทยาลัย 23. นายทองคำ ธุงศรี ตำแหน่ง พนักงานขับรถปฏิบัติงาน สังกัด กองกายภาพและสิ่งแวดล้อม สำนักงานมหาวิทยาลัย 24. นายพัลลภ ดวงบาล ตำแหน่ง ผู้ปฏิบัติงานการเกษตรปฏิบัติงาน สังกัดฟาร์มมหาวิทยาลัย พนักงานส่วนงาน จำนวน 6 ราย 1.นายเกียรติยศ บุญเรือง ตำแหน่ง ผู้ปฏิบัติงานการเกษตร สังกัด สำนักงานคณบดีคณะผลิตกรรมการเกษตร คณะผลิตกรรมการเกษตร 2.นายสถิตย์ ดวงดี ตำแหน่ง ผู้ปฏิบัติงานการเกษตร สังกัด สำนักงานคณบดีคณะผลิตกรรมการเกษตร คณะผลิตกรรมการเกษตร 3.นายมรรยาท กาศวิราช ตำแหน่ง ผู้ปฏิบัติงานการเกษตร สังกัด สำนักงานคณบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ - แพร่ เฉลิมพระเกียรติ 4.นางพินธรา สำราญสกุล ตำแหน่ง ผู้ปฏิบัติงานวิทยาศาสตร์ สังกัดงาน กองบริหารงานบริการวิชาการ สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร 5.นายวินัย อุปนันท์ ตำแหน่ง พนักงานขับรถ สังกัด กองพัฒนานักศึกษา สำนักงานมหาวิทยาลัย 6.นายดวงจันทร์ ด้วงไม้ ตำแหน่ง ผู้ปฏิบัติงานการเกษตร สังกัด กองกายภาพและสิ่งแวดล้อม สำนักงานมหาวิทยาลัย โอกาสนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.ธีรนุช เจริญกิจ เป็นผู้แทนผู้เกษียณอายุกล่าวแสดงความรู้สึก โดยมี ผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากรในสังกัด ร่วมแสดงกตเวทิตาจิตอย่างอบอุ่น ณ ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้
19 กันยายน 2568     |      482
อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้เข้าร่วมโครงการจัดการสัมมนาเรื่อง “สร้างโอกาสการเคลื่อนย้ายในโลกไร้พรมแดน: การเตรียมประเทศไทยสู่การรับรองคุณวุฒิการศึกษาระดับภูมิภาคและระดับโลกของยูเนสโก” “Opening Doors for Global Mobility: Preparing Thailand for the Asia-Pacific and Global Conventions on Qualifications Recognition”
วันอังคารที่ 16 กันยายน 2568 รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เข้าร่วมโครงการจัดการสัมมนาเรื่อง “สร้างโอกาสการเคลื่อนย้ายในโลกไร้พรมแดน: การเตรียมประเทศไทยสู่การรับรองคุณวุฒิการศึกษาระดับภูมิภาคและระดับโลกของยูเนสโก” “Opening Doors for Global Mobility: Preparing Thailand for the Asia-Pacific and Global Conventions on Qualifications Recognition” ซึ่งจัดขึ้นโดย กองการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) ณ ห้องประชุมแมนดาริน โรงแรมแมนดาริน กรุงเทพมหานคร ในโอกาสนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดการสัมมนา “สร้างโอกาสการเคลื่อนย้ายในโลกไร้พรมแดน: การเตรียมประเทศไทยสู่การรับรองคุณวุฒิการศึกษาระดับภูมิภาคและระดับโลกของยูเนสโก (Opening Doors for Global Mobility: Preparing Thailand for the Asia-Pacific and Global Conventions on Qualifications Recognition)” มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจในหลักการสำคัญและประโยชน์ของ อนุสัญญาว่าด้วยการรับรองคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Tokyo Convention) และ อนุสัญญาโลกว่าด้วยการรับรองคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา (Global Convention) โดยมี Ms. Soohyun Kim, Director, UNESCO Regional Office in Bangkok and Office for UN Coordination for Asia and the Pacific พร้อมด้วยผู้บริหารมหาวิทยาลัยจากทั่วประเทศ ผู้ทรงคุณวุฒิจากไทยและต่างประเทศ ข้าราชการ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างคับคั่ง รัฐบาลได้กำหนดการพัฒนาอุดมศึกษาสู่ความเป็นสากลเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ขับเคลื่อนนวัตกรรม และพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน การผลักดันให้ประเทศไทยเข้าร่วมและให้สัตยาบันอนุสัญญาโตเกียวและอนุสัญญาโลก จึงถือเป็นก้าวย่างเชิงยุทธศาสตร์ที่ไม่เพียงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการรักษามาตรฐานการศึกษาระดับโลก แต่ยังทำให้ไทยเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายศูนย์กลางการศึกษานานาชาติ ปลัดกระทรวง อว. กล่าวต่อว่า การให้สัตยาบันอนุสัญญาทั้งสองฉบับนี้จะนำมาซึ่งประโยชน์สำคัญ ได้แก่ การเปิดโอกาสให้นักศึกษา นักวิจัย และคณาจารย์ไทยสามารถเคลื่อนย้ายและแลกเปลี่ยนความรู้ข้ามพรมแดนได้อย่างสะดวกมากขึ้น เกิดการยกระดับความเชื่อมั่นในคุณวุฒิการศึกษาของไทยในเวทีสากล และการส่งเสริมความร่วมมือด้านวิชาการและการวิจัยกับนานาประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เป้าหมายที่ 4 ว่าด้วยการศึกษาที่มีคุณภาพ เท่าเทียม และทั่วถึงข่าว/ภาพ : งานประสานงาน (สป.อว. กรุงเทพฯ) กองกลาง 
17 กันยายน 2568     |      36
ผู้แทนมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เข้าร่วมงาน "Southeast Asia Trade and Development Forum 2025" ชี้ทิศทางการค้าโลกที่ไทยต้องรู้ ณ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ
วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน 2568 รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ มอบหมายให้ นางตรีรัตน์ มาร์คว๊าร์คเสน หัวหน้างานประสานงาน (กรุงเทพฯ) กองกลาง เป็นผู้แทนมหาวิทยาลัยเข้าร่วมงาน "Southeast Asia Trade and Development Forum 2025" ชี้ทิศทางการค้าโลกที่ไทยต้องรู้ ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) ณ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯโดยสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือ ITD เปิดเวทีสัมมนาระดับภูมิภาค “Southeast Asia Trade and Development Forum 2025” ภายใต้หัวข้อ “The Changing Realities of International Trade” ระดมสมองจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก นักเศรษฐศาสตร์ ผู้กำหนดนโยบาย และภาคธุรกิจไทย-อาเซียน เพื่อชี้ทิศทางการค้าโลกและ วางกลยุทธ์รับมือความผันผวนทางเศรษฐกิจที่ทวีความซับซ้อน ภายในงานผู้ร่วมเสวนาเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของอาเซียนในการเป็นกลไกกลาง ท่ามกลางความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจดิจิทัล การกีดกันทางการค้า และมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มข้นขึ้น พร้อมเสนอแนวทางเชิงนโยบายเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจ – เชื่อมผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดภูมิภาคและโลก โดยได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ ประธานกรรมการ สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนาเป็นประธานเปิดงาน
12 กันยายน 2568     |      41
อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้เข้าร่วมพิธีเปิดงานนิทรรศการการศึกษาไต้หวันและเส้นทางสู่อาชีพ ประจำปี 2568 และลงนามความร่วมมือด้านวิชาการด้านการศึกษากับมหาวิทยาลัยในไต้หวัน
วันที่ 30 - 31 สิงหาคม 2568 รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดี เข้าร่วมพิธีเปิดงานนิทรรศการการศึกษาไต้หวันและเส้นทางสู่อาชีพ ประจำปี 2568 ”2025 Taiwan Higher Education Fair & Job Counseling ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ฮอลล์ 1 ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพฯ ในการนี้ อธิการบดีได้ร่วมลงนามความร่วมมือทางวิชาการ International Talent Circulation Base (INTACT Base) ร่วมกับมหาวิทยาลัยในไต้หวัน National Pingtung University of Science and Technology National, Chung Hsing University และ National Sun Yat-sen University ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาพันธมิตรมีความประสงค์ที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์และพัฒนากิจกรรมความร่วมมือด้านการศึกษา โดยตกลงที่จะทำงานร่วมกันเพื่อมุ่งสู่ความเป็นสากลของการศึกษาระดับอุดมศึกษาซึ่งตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาและอุตสาหกรรมระหว่างไต้หวันและไทย และส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถในระดับนานาชาติกิจกรรมภายในงานมีมหาวิทยาลัยไต้หวัน 39 แห่ง ที่มาร่วมจัดนิทรรศการเพื่อประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยและหลักสูตรการศึกษาต่อในระดับปริญญา คอร์สเรียนภาษาจีนระยะสั้น หลักสูตร INTENSE Program ทุนการศึกษา (รัฐบาล & มหาวิทยาลัย) ข้อมูลการสอบภาษาจีน TOCFL (ยื่นทุน สมัครเรียนหรือสมัครงาน) กิจกรรมวัฒนธรรมโดยอาจารย์ชาวไต้หวัน การแบ่งปันประสบการณ์การเรียนกับรุ่นพี่นักศึกษาไทยที่กำลังศึกษาและเคยศึกษาที่ไต้หวัน นอกจากนี้ มีบริษัทไต้หวันอีก 11 แห่ง ที่มาให้ข้อมูลและคำปรึกษาการสมัครตำแหน่งงานในไต้หวันให้กับนักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจข่าว / ภาพ : งานประสานงาน (กรุงเทพฯ) กองกลางytjyjr
5 กันยายน 2568     |      216
เปิดรับสมัครนักศึกษา #TCAS69 รอบที่ 1.1 ม.แม่โจ้
เปิดรับสมัครนักศึกษา#TCAS69 รอบที่ 1.1 ม.แม่โจ้ สมัครออนไลน์ : 5 – 25 กันยายน 2568www.admissions.mju.ac.th (เปิดระบบ 09:00 น.)คู่มือการสมัคร/การเตรียมเอกสาร:https://admissions.mju.ac.th/ApplyManual.aspxแบบฟอร์มการตรวจร่างกายและใบวัดความรู้เบื้องต้น จะสามารถดาวน์โหลดได้ที่เมนูอัปโหลดเอกสาร หลักสูตร 4 และ 5 ปี รับผู้กำลังศึกษา หรือสำเร็จการศึกษา ระดับ ม.6, ปวช., กศน., GED หรือเทียบเท่า จำนวน 61 สาขาวิชา รับตรง PORTFOLIO :https://admissions.mju.ac.th/FileAnnouncement/193.pdf โควตาครูแนะแนว :https://admissions.mju.ac.th/FileAnnouncement/195.pdf หลักสูตร 4 ปีเทียบเข้าเรียน / ต่อเนื่อง 2 ปี รับผู้กำลังศึกษา หรือสำเร็จการศึกษา ระดับ ปวส., อนุปริญญา หรือเทียบเท่า จำนวน 27 สาขาวิชา รับตรง PORTFOLIO :https://admissions.mju.ac.th/FileAnnouncement/194.pdf โควตาครูแนะแนว :https://admissions.mju.ac.th/FileAnnouncement/196.pdf ขั้นตอนการสมัคร สมัครออนไลน์ : 5 – 25 ก.ย. 2568 ชำระเงินค่าสมัคร : ภายใน 3 วัน อัปโหลดเอกสาร + แฟ้มสะสมผลงาน ภายใน 29 ก.ย. 2568 ไม่มีสอบข้อเขียน/สัมภาษณ์ พิจารณาผลการเรียน + แฟ้มสะสมผลงาน (บางสาขา)ประกาศผล : 15 ต.ค. 2568คู่มือการสมัคร/การเตรียมเอกสาร :https://admissions.mju.ac.th/ApplyManual.aspx อัตราค่าธรรมเนียมการศึกษา (ค่าเทอม):https://admissions.mju.ac.th/FileDownload/68/TuitionFee.pdf ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เพจ:https://www.facebook.com/MJUAdmission 0-5387-3460 หรือ 06-5959-2477 (ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น.)#รับสมัครนักศึกษาปีการศึกษา2569#TCAS69#Dek69#รับตรง#รอบPortfolio#มหาวิทยาลัยแม่โจ้#MJU#MJU91#เรียนต่อมอแม่โจ้
5 กันยายน 2568     |      403
“รมว.อรรถกร” คุมเข้มมาตรการส่งออกลำไย เตรียมพร้อมรับมือสุ่มตรวจจีน พร้อมจับมือ ม.แม่โจ้ วิจัยยกระดับคุณภาพ สร้างความเชื่อมั่นคู่ค้า
   นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่ปรึกษาคณะทำงานฯ ร่วมประชุมคณะทำงานติดตามแก้ไขปัญหาการส่งออกสินค้าเกษตรตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครั้งที่ 1/2568 ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (134) โดยมี นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ นางสาวนฤมล สงวนวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ในฐานะประธานคณะทำงานฯ) ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำนักการเกษตรต่างประเทศ และสำนักแผนงานและโครงการพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมพิจารณาแนวทางดำเนินงานตามมาตรการส่งออกสินค้าลำไยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมทั้งการยกระดับมาตรการตรวจสอบการตกค้างของสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในลำไยทั้งผล ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมวิชาการเกษตร ร่วมกับสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เตรียมศึกษาและวิจัยแนวทางการผลิตและการรักษาคุณภาพลำไยทั้งผลสำหรับการส่งออก เพื่อยกระดับมาตรฐานลำไยไทยและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประเทศคู่ค้าตามมาตรการส่งออก              “สำหรับสถานการณ์การสุ่มตรวจสารตกค้างในลำไยของจีนที่อาจมีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มมาตรการ กระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องมีการติดตามสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยการศึกษาและวางแผนแนวทางการในรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งมีการบูรณาการทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ในการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาคุณภาพลำไยตามมาตรการส่งออกสินค้า เพื่อหาแนวทางการผลิตและรักษาคุณภาพลำไยใหม่ๆ ที่ส่งผลดีต่อเกษตรกร และผู้ประกอบการส่งออกลำไยให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด” นายอรรถกร กล่าว             ทั้งนี้ ที่ประชุมได้หารือแนวทางการเจรจาทางการค้ากับทางการจีนในอนาคตเพิ่มเติมอีกด้วยข่าว : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/100187
28 สิงหาคม 2568     |      34
พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่าง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กับ มหาวิทยาลัยแม่โจ้
วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยคณะบริหารธุรกิจ จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่าง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กับ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประภากร ธาราฉาย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นประธานในพิธี พร้อมต้อนรับ ดร. ดรุฒ คำวิชิตธนาภา ประธานกรรมการบริหารธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักงานใหญ่ และคณะผู้บริหาร การลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือทางวิชาการ การส่งเสริมทักษะวิชาชีพ สนับสนุนการสร้างโอกาส และเวทีในการพัฒนาทั้งความรู้ และประสบการณ์ในการศึกษาให้สามารถต่อยอดและนำมาใช้ประโยชน์ได้จริงทั้งในสถาบันการศึกษาและองค์กร ณ ห้องประชุมสภามหาวิทยาลัย ชั้น 5 สำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้
21 สิงหาคม 2568     |      45
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ร่วมงานวันเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปี ประกาศเอกราชสาธารณรัฐอินโดนีเซีย และครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสาธารณรัฐอินโดนีเซียกับประเทศไทย
วันพุธที่ 20 สิงหาคม 2568 รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เข้าร่วมงานวันเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปี การประกาศเอกราชสาธารณรัฐอินโดนีเซีย และครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสาธารณรัฐอินโดนีเซียกับประเทศไทย โดยมี นายรัคมัต บูดีมัน (H.E. Mr. Rachmat Budiman) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ให้การต้อนรับ ณ โรงแรม Siam Kempinski Hotel Bangkok กรุงเทพมหานครทั้งนี้ วันชาติอินโดนีเซีย ตรงกับวันที่ 17 สิงหาคม ของทุกปี ซึ่งในปีนี้เป็นวาระครบรอบ 80 ปี โดยประเทศไทยและสาธารณรัฐอินโดนีเซียได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2493 ซึ่งในปีนี้เป็นวาระครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย - อินโดนีเซียตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโดยมหาวิทยาลัยแม่โจ้และมหาวิทยาลัยในประเทศอินโดนีเซียได้มีการลงนามความร่วมมือเพื่อเป็นพันธมิตรทางด้านการศึกษาทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยได้มีการดำเนินกิจกรรมทางวิชาการร่วมกันด้วยดีเสมอมาข่าว/ภาพ : งานประสานงาน กองกลาง มหาวิทยาลัยแม่โจ้
21 สิงหาคม 2568     |      58
TCAS69 มาใหม่! อว.-ทปอ. เปิดระบบ TCASFolio แฟ้มสะสมผลงานมาตรฐานให้ใช้ฟรี จัดวันสอบสำรองรับเหตุสุดวิสัย พร้อมอุดหนุนค่าสมัครสอบ ลดภาระนักเรียน-ผู้ปกครอง
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วยนายศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. และ ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ผศ.ดร.ปมทอง มาลากุล ณ อยุธยา เลขาธิการ ทปอ. รศ.ดร.ชาลี เจริญลาภนพรัตน์ ผู้จัดการระบบ TCAS69 และ ผช.ดร.ปาริยา ณ นคร ผู้จัดการระบบจัดสอบ TCAS69 แถลงข่าวระบบคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ปีการศึกษา 2569 TCAS69: Opportunities for All สร้างโอกาสที่เท่าเทียมสำหรับทุกคน ที่ห้องประชุมรักตะกนิษฐ มหาวิทยาลัยสวนดุสิตนางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า ทปอ. ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในการประสานความร่วมมือกับกระทรวง อว. เพื่อพัฒนาระบบ TCAS: Opportunities for All หรือการสร้างโอกาสที่เท่าเทียมสำหรับทุกคน ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญในการเปิดโอกาสให้เยาวชนทุกคนเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเสมอภาคและเท่าเทียม ซึ่งกระทรวง อว. ตระหนักดีว่า การศึกษาไม่ควรถูกจำกัดด้วยภาระทางการเงิน ดังนั้น ในปีการศึกษา 2569 กระทรวงจึงได้จัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายของนักเรียนที่สมัครในระบบ TCAS ครอบคลุม 2 ส่วนสำคัญ คือ ค่าสมัครสอบ TGAT วิชาละ 100 บาท และ TPAT ทุกวิชา รวม TPAT 1 วิชาละ 140 บาท และค่าสมัครคัดเลือกรอบ Admission (รอบที่ 3) ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนเลือกได้สูงสุดถึง 7 อันดับ มาตรการเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการลงทุนเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม และลดภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาของเยาวชน“ขอชื่นชมการทำงานอย่างใกล้ชิดของ ทปอ. และสถาบันอุดมศึกษาทั้ง 82 แห่ง ที่ร่วมกันพัฒนาระบบ TCAS69 ให้มีความทันสมัย โปร่งใส และตอบสนองต่อความต้องการของนักเรียนและสังคมไทยในยุคปัจจุบัน กระทรวง อว. พร้อมให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาไทย สร้างความเสมอภาค และเปิดประตูสู่อนาคตที่สดใสให้แก่เยาวชนทุกคน” รมว.อว. กล่าวด้าน ศ.ดร.วิเลิศ กล่าวว่า ทปอ. ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบ TCAS ให้เป็นกระบวนการคัดเลือกที่โปร่งใส เป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ และสนับสนุนให้เยาวชนทุกคนได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มศักยภาพ โดยปีนี้มีสถาบันอุดมศึกษาเข้าร่วมกับเรามากถึง 82 สถาบัน โดย 6 ประเด็นสำคัญของ TCAS69 มีดังนี้ 1. กระบวนการคัดเลือกรอบ Portfolio และการใช้ระบบ TCASFolio ในปีการศึกษา 2569 สถาบันอุดมศึกษาที่เข้าร่วมระบบ TCAS69 ได้ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันว่า การคัดเลือกรอบ Portfolio จะเน้นที่ "คุณภาพ" ของเนื้อหาและความถูกต้องของข้อมูล ไม่ใช่ "ความสวยงาม" ของรูปเล่ม เราไม่สนับสนุนการจ้างทำแฟ้ม ทั้งนี้ เกณฑ์การให้คะแนนและองค์ประกอบการพิจารณาจะถูกแจ้งให้ผู้สมัครรับทราบผ่านเว็บไซต์ https://www.mytcas.com/ เพื่อให้ทุกคนมีข้อมูลครบถ้วนก่อนตัดสินใจสมัคร และเพื่อให้เกิดความเท่าเทียม ทปอ. ได้พัฒนาระบบ TCASFolio ซึ่งเป็นเครื่องมือสร้างแฟ้มสะสมผลงานมาตรฐาน ที่สามารถใช้งานได้ฟรี เริ่มทดลองใช้ระบบ TCASFolio ได้ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม 2568 เพียงกรอกข้อมูลกิจกรรม รางวัล และแนบรูปภาพ ระบบจะสร้างเป็นไฟล์ PDF และลิงก์สำหรับส่งให้มหาวิทยาลัยได้ทันที ซึ่งจะช่วยลดภาระและสร้างมาตรฐานเดียวกันประธาน ทปอ. กล่าวต่อว่า 2. เตรียมมาตรการรองรับเหตุการณ์ไม่คาดคิดต่าง ๆ ไว้แล้ว โดยได้กำหนด “วันสอบสำรอง” ล่วงหน้า เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุสุดวิสัย ที่ผ่านมาเรามีประสบการณ์ในการบริหารความเสี่ยงมาอย่างต่อเนื่อง ขอให้เยาวชนและผู้ปกครองทุกคนมั่นใจว่า เราพร้อมดูแลให้การจัดสอบเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นธรรมที่สุดสำหรับทุกคน 3. กำหนดและประกาศปฏิทินการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ทั้ง 4 รอบ และปฏิทินการสอบ TGAT/TPAT วันเปิดรับสมัคร วันประกาศผล วันยืนยันสิทธิ์ และวันสละสิทธิ์ของแต่ละรอบ ผู้สมัครสามารถเริ่มลงทะเบียนใช้งานระบบ https://www.mytcas.com/ ได้ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อใช้เป็นช่องทางหลักในการสมัครและติดตามขั้นตอนการคัดเลือก สำหรับการสอบรายวิชาในระบบ TCAS69 กำหนด ได้แก่ วันสอบรายวิชา TGAT/TPAT2-5 วันที่ 13 – 15 ธันวาคม 2568 และวันสอบรายวิชา A-Level วันที่ 14 – 16 มีนาคม 2569ศ.ดร.วิเลิศ กล่าวอีกว่า 4. การจัดสอบ TGAT/TPAT และ A-Level จะเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 6 พฤศจิกายน 2568 โดยในปีนี้จัดให้มีข้อสอบทั้งแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยแบบภาษาไทย จัดสอบด้วยกระดาษ (Paper-Based Test: PBT) และแบบภาษาอังกฤษ จัดสอบด้วยคอมพิวเตอร์ (Computer-Based Test: CBT) ซึ่งเปิดทดลองเฉพาะ 2 วิชา ได้แก่ TGAT (ความถนัดทั่วไป) และ TPAT3 (ความถนัดทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์) นอกจากนี้ การสมัครสอบรูปแบบ CBT จะใช้ระบบ “first come, first served” หรือรับตามลาดับการสมัครจนกว่าที่นั่งจะเต็ม ขณะที่การสอบ A-Level ยังคงจัดในรูปแบบกระดาษ (PBT) เช่นเดิม และผู้เข้าสอบสามารถนาข้อสอบกลับบ้านได้หลังจากสอบเสร็จ5. การเผยแพร่ข้อสอบและสถิติ ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป เว็บไซต์ https://www.mytcas.com/ และเผยแพร่ข้อสอบ A-Level ปี 2568 พร้อมเฉลย รวมทั้งสถิติการคัดเลือกในระบบ TCAS68 เพื่อให้ผู้สนใจสามารถนาข้อมูลเหล่านี้ไปใช้วางแผนและเตรียมตัวสาหรับการสมัครในระบบ TCAS69 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ 6. อัตราค่าสมัครสอบครับ สำหรับ TCAS69 ในปีนี้ ยังคงใช้อัตราเดิม คือ TGAT/TPAT 140 บาท และ A-Level 100 บาทต่อวิชา ซึ่งเป็นอัตราที่ไม่ได้ปรับขึ้นมานานกว่า 19 ปี อย่างไรก็ตาม ด้วยต้นทุนการจัดสอบที่สูงขึ้น ทั้งค่ากระดาษ ระบบรักษาความปลอดภัย และค่าบุคลากร เพื่อรักษามาตรฐานข้อสอบให้มีความเที่ยงตรงและเป็นธรรม ทปอ. จึงมีความจำเป็นต้องปรับอัตราค่าสมัครสอบใหม่ โดยจะเริ่มใช้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2570 เป็นต้นไป ดังนี้ TGAT/TPAT: 159 บาทต่อวิชา A-Level: 119 บาทต่อวิชา“TCAS69 จึงไม่เพียงเป็นระบบคัดเลือกกลาง แต่ยังเป็นก้าวสำคัญของการยกระดับมาตรฐานการศึกษาไทย เพื่อสร้างความเป็นธรรม เสมอภาค และโอกาสที่เปิดกว้างสำหรับเยาวชนทุกคนทั่วประเทศ” ศ.ดร.วิเลิศ กล่าว
18 สิงหาคม 2568     |      75
ผู้บริหารมหาวิทยาลัยแม่โจ้เข้าร่วมการประชุมสามัญที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยและสมาคมที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 4/2568 , การประชุมสามัญสมาคมสถาบันการศึกษาขั้นอุดมแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประจำประเทศไทย (สสอ.ประเทศไทย) ครั้งที่ 2/2568 พร้อมทั้งรับฟังการมอบนโยบายและทิศทางการขับเคลื่อนของกระทรวง อว. โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว.
วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2568  รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.ชัยยศ สัมฤทธิ์สกุล รองอธิการบดี , ผู้ช่วยศาสตราจารย์.ดร.ประภากร ธาราฉาย รองอธิการบดี เข้าร่วมการประชุมสามัญที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย และสมาคมที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 4/2568  และการประชุมสามัญสมาคมสถาบันการศึกษาขั้นอุดมแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประจำประเทศไทย  ครั้งที่ 2/2568 โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยและประธานสถาบันการศึกษาขั้นอุดมแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำประเทศไทย เป็นประธานประชุม ณ หอประชุมรักตะกนิษฐ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กรุงเทพฯในโอการนี้ได้รับเกียรติจาก นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในโอการนี้ได้รับเกียรติจาก นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มอบนโยบายการบริหารและการขับเคลื่อนตามนโยบายของกระทรวง อว. และหารือประเด็นต่างๆกับผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาที่เข้าร่วมประชุมดังกล่าวเพื่อเสนอแนะต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปข่าว/ภาพ : งานประสานงาน ( กทม. ) กองกลาง
20 สิงหาคม 2568     |      61
อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้กล่าวแสดงความยินดี เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองวาระครบ 79 ปี วันประกาศอิสรภาพสาธารณรัฐอินเดีย ณ สถานกงสุลอินเดีย ประจำจังหวัดเชียงใหม่
วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม 2568 รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ร่วมกล่าวแสดงความยินดี เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองวาระครบ 79 ปี วันประกาศอิสรภาพสาธารณรัฐอินเดีย โดยมี นายประณพ คเณศ กงสุลอินเดีย ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ภายในงานดังกล่าวร่วมร้องกันเพลงชาติ แสดงถึงความรักความสามัคคี ที่ชาวไทยและชาวอินเดียมีความสัมพันธ์ทางการฑูตมาอย่างยาวนาน ณ สถานกงสุลอินเดีย ประจำจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
15 สิงหาคม 2568     |      39
งานประสานงาน (กรุงเทพฯ) เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยเข้าร่วมงาน สัมมนาเรื่อง การพัฒนาเมืองชายแดนภายใต้ความท้าทายข้ามพรมแดน เพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ชายแดนได้ร่วมแลกเปลี่ยนข้อเสนอและประสบการณ์เพื่อนำไปสู่การจัดทำนโยบายและแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน
วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2568  รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ มอบหมายให้บุคลากรงานประสานงาน (กรุงเทพฯ) เป็นตัวแทนเข้าร่วมงาน สัมมนาเรื่อง การพัฒนาเมืองชายแดนภายใต้ความท้าทายข้ามพรมแดน เพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ชายแดนได้ร่วมแลกเปลี่ยนข้อเสนอและประสบการณ์เพื่อนำไปสู่การจัดทำนโยบายและแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ณ ห้องประชุมสัมมนา B1-1 ชั้น B1 อาคารรัฐสภา กรุงเทพมหานครในโอกาสได้นี้ได้รับเกียรติจาก  นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาเรื่อง การพัฒนาเมืองชายแดนภายใต้ความท้าทายข้ามพรมแดน โดยมี Ms.Niamh Collier-Smith ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ประจำประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือระหว่าง UNDP กับรัฐสภาเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย และ รศ.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กล่าวถึงความร่วมมือในด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการพัฒนานโยบาย ในการนี้ คณะ กมธ. ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ผู้บริหาร UNDP ประจำประเทศไทย ผู้บริหาร บพท. ผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ร่วมสัมมนาทั้งนี้ คณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เป็นองค์กรหนึ่งของฝ่ายนิติบัญญัติที่ได้รับมอบหมายจากสภาผู้แทนราษฎร โดยมีภารกิจหน้าที่ครอบคลุมอย่างกว้างขวาง คือ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ การค้าชายแดน การค้าผ่านแดน จุดผ่านแดนถาวร จุดผ่านแดนชั่วคราว จุดผ่อนปรนเพื่อการค้า ช่องทางธรรมชาติ และช่องทางตามกฎหมายศุลกากร การเดินทางข้ามแดน การจัดการและการดูแลแรงงานข้ามแดน การส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ โดยเฉพาะปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ทั้งเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งการส่งเสริม สนับสนุน และแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับดินแดนและความมั่นคงของประชาชน สำหรับการพัฒนาในพื้นที่ชายแดนของประเทศไทยนั้นเป็นประเด็นที่คณะ กมธ. ให้ความสำคัญและต้องการสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากพื้นที่ชายแดนเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลาย ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และตั้งอยู่ในบริบทที่แตกต่างจากพื้นที่ส่วนอื่นของประเทศ โดยข้อมูลจาก UNDP ระบุว่า หลายจังหวัดชายแดนยังมีค่าดัชนีการพัฒนามนุษย์ (HDI) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ แม้ว่าจะมีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังคงเผชิญกับปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม สิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร เช่น การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การอพยพของแรงงาน ตลอดจนผลกระทบจากปัญหาข้ามพรมแดน ทั้งจากมลภาวะและความขัดแย้งในภูมิภาค การจัดสัมมนาในวันนี้จึงถือเป็นโอกาสสำคัญที่ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น หน่วยงานรัฐ นักวิชาการ ภาคประชาสังคม และผู้ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ชายแดน จะได้มาร่วมแลกเปลี่ยนข้อเสนอ ความรู้ และประสบการณ์ เพื่อนำไปสู่การจัดทำนโยบายและแนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองต่อบริบทของพื้นที่อย่างแท้จริง และสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
13 สิงหาคม 2568     |      63
มหาวิทยาลัยแม่โจ้พิธีปล่อยกล้วยไม้ถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568
วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2568 มหาวิทยาลัยแม่โจ้พิธีปล่อยกล้วยไม้ถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นประธานในพิธี พร้อมนำคณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากรและนักศึกษา เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อแสดงความจงรักภักดี ณ วัดลัฏฐิวัน (พระนอนขอนตาล) อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
5 สิงหาคม 2568     |      35
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวและบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการแข่งขันออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสังคมยั่งยืน “PACK TO THE FUTURE THAILAND CHAMPIONSHIP 2025”
ในวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม 2568 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประภากร ธาราฉาย รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ พร้อมผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชนาพร ขันธบุตร คณบดีคณะศิลปศาสตร์ เข้าร่วมแถลงข่าวเปิดตัวและร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการจัดการแข่งขันออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อสังคมที่ยั่งยืน ชิงแชมป์ประเทศไทย 2568 ณ ชั้น B ห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอแลนด์ เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร ซึ่งการแข่งขันออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อสังคมที่ยั่งยืน ชิงแชมป์ประเทศไทย 2568 (PACK TO THE FUTURE THAILAND CHAMPIONSHIP 2025) เป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัท ซูกิชิ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด, สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ, เมืองนวัตกรรมอาหาร, และสถาบันการศึกษาอีก 3 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ โดยจัดภายใต้แนวคิด (สานต่อพลัง "นิสิต นักศึกษา" สู่ "นิสิต นักศึกษา มืออาชีพ") เพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักออกแบบรุ่นใหม่ที่จะมาร่วมสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์ความต้องการทางสังคม อันจะส่งเสริมและกระตุ้นเตือนถึงผู้บริโภคเพื่อตระหนักถึงสภาพแวดล้อม ส่งเสริมศักยภาพนิสิต นักศึกษาสู่การเป็นนักออกแบบมืออาชีพ พร้อมก้าวพลักดันการใช้นวัตกรรมเพื่อการออกแบบสู่ความยั่งยืน และส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมไทยร่วมกระตุ้น ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อมต่อไป นอกจากนี้ภายในงานยังมีการแสดงวิสัยทัศน์ทั้ง 6 หน่วยงาน เพื่อเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้การจัดการแข่งขันสะท้อนสู่การส่งเสริมให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ดีต่อทุกคน โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประภากร ธาราฉาย ได้ร่วมบรรยายในหัวข้อ “ภูมิปัญญาการเกษตรกับการส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน” ซึ่งสะท้อนบทบาทของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ในการสนับสนุนการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่คำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรท้องถิ่น การแข่งขันครั้งนี้มุ่งเน้นการสร้างพื้นที่ให้เยาวชน นิสิต นักศึกษา และนักออกแบบรุ่นใหม่ ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สอดคล้องกับแนวคิด Sustainable Design ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ที่ใส่ใจผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ยังคงเดินหน้าส่งเสริมองค์ความรู้และทักษะด้านการออกแบบที่ผสานศาสตร์เกษตรและสิ่งแวดล้อม เพื่อผลักดันเยาวชนไทยสู่เวทีการแข่งขันระดับประเทศ และพร้อมสนับสนุนให้นักศึกษาสร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีคุณค่าอย่างยั่งยืนภาพ : งานประสานงาน กรุงเทพ 
5 สิงหาคม 2568     |      43
อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้บรรยายพิเศษหัวข้อ "Innovative institutions for community Development" ในการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ The International Conference on Governance and Development (ICGD4)
วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2568 รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เข้าร่วมบรรยายพิเศษในหัวข้อ "Innovative institutions for community Development" ในการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ The International Conference on Governance and Development (ICGD4) ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานครโดยการประชุม ICGD4 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม 2568 โดยมีเวิร์กช็อปก่อนการประชุมในวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ณ วิทยาลัยบูรณาการศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภายใต้ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสองสถาบัน ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ส่งเสริมความร่วมมือข้ามศาสตร์ และสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับสากลการประชุม ICGD4 ยังถือเป็นเวทีสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์และต่อยอดความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และ University of the Philippines Los Baños อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการวิจัยและการพัฒนาในระดับนานาชาติเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมให้นิสิต นักวิจัย และบุคลากรของทั้งสองสถาบัน ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกันผลิตองค์ความรู้ใหม่ และร่วมขับเคลื่อนประเด็นสำคัญของโลก อาทิ การพัฒนาอย่างยั่งยืน การศึกษาเพื่อความเป็นพลเมืองโลก และการบูรณาการศาสตร์เพื่อรับมือกับความท้าทายร่วมของภูมิภาคอาเซียนและระดับโลก
1 สิงหาคม 2568     |      47
มหาวิทยาลัยแม่โจ้เข้ารับกระเช้าขอบคุณพระราชทานแก่หน่วยงานที่ร่วมสนับสนุนและปฏิบัติงานในการจัดงาน “ปูทาง...สู่การตื่นรู้ธรรมนาวาวัง (ภาคประชาชน)” จังหวัดเชียงใหม่
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลอากาศตรี สุพิชัย สุนทรบุระ รองเลขาธิการพระราชวัง เป็นผู้อัญเชิญกระเช้าขอบคุณพระราชทาน ไปมอบแก่ส่วนราชการและภาคประชาชนที่ร่วมสนับสนุนและปฏิบัติงานในการจัดงาน “ปูทาง...สู่การตื่นรู้ธรรมนาวาวัง (ภาคประชาชน)” จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี รองศาสตราจารย์ จักรพงษ์ พิมพ์พิมล รองอธิการบดี เข้ารับสิ่งกระเช้าขอบคุณพระราชทาน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนและส่งเสริมงานธรรมะในพื้นที่ ณ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ห้องโถง ชั้น 1 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 
31 กรกฎาคม 2568     |      34
มหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดพิธีไหว้ครู ประจำการศึกษาปี 2568 พร้อมเชิดชูอาจารย์-บุคลากรดีเด่น
วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม 2568 มหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดพิธีไหว้ครู ประจำปีการศึกษา 2568 พร้อมมอบโล่เชิดชูอาจารย์และบุคลากรดีเด่น โดยได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นประธาน ทั้งนี้ได้มีพิธีวางพานดอกไม้ ธูป เทียน คารวะ อำมาตย์โทพระช่วงเกษตรศิลปการ ผู้ก่อตั้ง/อาจารย์ใหญ่คนแรก และศาสตราจารย์ ดร.วิภาต บุญศรี วังซ้าย อธิการบดีคนแรก เพื่อรำลึกถึงปูชนียบุคคลสำคัญของแม่โจ้ จากนั้นได้ประกอบพิธีไหว้ครูตามลำดับขั้นตอน แสดงถึงความงความกตัญญู กตเวที ต่อครูอาจารย์ คารวะฝากตัวเป็นศิษย์ พร้อมรับฟังโอวาทคำสอนจากคณาจารย์ โดยมีคณะผู้บริหาร อาจารย์อาวุโส คณาจารย์จากทุกคณะ/ทุกวิทยาลัย เข้าร่วมพิธี ณ ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้“แม่โจ้” ได้มีการจัดพิธีไหว้ครูครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2477 ซึ่งเป็นวันเปิดเรียนวันแรกของโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมภาคเหนือ (มหาวิทยาลัยแม่โจ้) ทางโรงเรียนจึงจัดให้มีการไหว้ครูขึ้นที่โรงอาหารของโรงเรียน นักเรียนทุกคนแต่งเครื่องแบบตามระเบียบของโรงเรียนดูสะอาดเรียบร้อยเป็นนักเรียนอย่างเต็มภาคภูมิ ทางโรงเรียนได้เชิญข้าหลวงประจำจังหวัดและธรรมการจังหวัดมาให้โอวาท มีพระช่วงเกษตรศิลปการ เป็นอาจารย์ใหญ่ โดยหัวหน้านักเรียน (นายบุญนาค มหาเกตุ) เป็นผู้กล่าวนำคำไหว้บูชาครู เมื่อจบแล้วรวบรวมดอกไม้ธูปเทียนของทุกคนใส่ขันโตกแล้วนำไปมอบแก่ท่านอาจารย์ใหญ่และครูอาจารย์ทุกคนพร้อมกันนักเรียนต่างรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจในเกียรติที่ได้รับในครั้งนี้โดยทั่วกันทุกคน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ถูกจารึกเป็นประวัติศาสตร์อันสำคัญของแม่โจ้ ถือเป็นจุดกำเนิดแม่โจ้และพัฒนาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันโอกาสเดียวกันนี้ มหาวิทยาลัยยังจัดพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติแก่อาจารย์ดีเด่นและบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการดีเด่นของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ดังนี้1. อาจารย์ดีเด่นด้านการเรียนการสอน ได้แก่ผู้ช่วยศาสตราจารย์อัจฉรี เหมสันต์สังกัดคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่งแวดล้อม2. อาจารย์ดีเด่นด้านการวิจัยและนวัตกรรม ได้แก่รองศาสตราจารย์ ดร.เกรียงไกร ราชกิจสังกัดคณะวิทยาศาสตร์3. อาจารย์ดีเด่นด้านบริการวิชาการ ได้แก่รองศาสตราจารย์ ดร.ดวงพร อมรเลิศพิศาลสังกัดคณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี4. อาจารย์ดีเด่นด้านทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ได้แก่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ว่าที่ร้อยเอก ดร.จิระชัย ยมเกิดสังกัดวิทยาลัยนานาชาติ
31 กรกฎาคม 2568     |      36
“สุดาวรรณ” รมว.อว. ร่วมประชุมบอร์ดขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้าน AI แห่งชาติ เพื่อการพัฒนาประเทศไทย ครั้งที่ 2/2568 ดันไทยสู่ยุคปัญญาประดิษฐ์ ยกระดับศักยภาพให้ตอบโจทย์ภาคเศรษฐกิจ-สังคม-ประชาชนอย่างยั่งยืน
มื่อวันที่ 30 ก.ค. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ เพื่อการพัฒนาประเทศไทย (National AI Committee) ครั้งที่ 2/2568 เพื่อพิจารณาทิศทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้เป็นกลไกสำคัญในการยกระดับศักยภาพของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน โดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธาน และมี ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) นายปริวรรต วงษ์สำราญ รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ตลอดจนคณะกรรมการจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เข้าร่วม ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาลทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (National AI Committee) ครั้งที่ 2 โดยเพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นกรรมการ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการกำหนดนโยบายด้านการศึกษา การพัฒนาทักษะและการเตรียมความพร้อมกำลังคนของประเทศ เพื่อรองรับการประยุกต์ใช้และการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในภาคเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นระบบนอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนตามกรอบการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ (National AI Program) ให้มีความชัดเจนและเป็นระบบต่อเนื่องจากการประชุมครั้งที่ผ่านมา โดยครอบคลุมทั้งมิติการสร้างความพร้อมด้าน AI (AI Readiness) และการประยุกต์ใช้ AI ในภาคส่วนต่าง ๆ (AI Adoption) และมีข้อสรุปสำคัญ 4 ประเด็น ดังนี้ 1.) เห็นชอบการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในลักษณะของกลุ่มภาคีเครือข่าย (Consortium) เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านต่าง ๆ และมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือดังกล่าว 2.) เห็นชอบแนวทางการยกระดับการทำงานให้เชื่อมโยงระหว่างโครงสร้างพื้นฐานและการประยุกต์ใช้ AI โดยจัดตั้ง ศูนย์รวมความเชี่ยวชาญ (Center of Excellence:CoEs) ในสาขาต่าง ๆ เพื่อเร่งรัดการพัฒนาและบูรณาการการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เบื้องต้นจำนวน 9 แห่ง ได้แก่ ศูนย์นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ด้านการศึกษา ศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ ศูนย์นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ด้านการเกษตร ศูนย์ความเป็นเลิศด้านปัญญาประดิษฐ์เพื่อการท่องเที่ยว ศูนย์ความเป็นเลิศด้านปัญญาประดิษฐ์เพื่อสุขภาพและสุขภาวะ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านปัญญาประดิษฐ์เพื่อการผลิต กลุ่มภาคีเครือข่ายด้านโมเดลภาษาขนาดใหญ่ภาษาไทย ศูนย์การประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ภาครัฐ และศูนย์สอบเทียบสมรรถนะและทดสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์ปัญญาประดิษฐ์ นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติให้รับหลักการในการตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านความมั่นคงและความปลอดภัย (Safety and Security) เพิ่มอีกหนึ่งแห่ง 3.) มอบหมายให้ศูนย์ความเชี่ยวชาญดำเนินการจัดทำแผนย่อยรายสาขา ครอบคลุมทั้งด้านความพร้อมและผู้ใช้งาน AI ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2568 เพื่อให้สามารถดำเนินงานได้ตามกรอบที่วางไว้ 4.) เห็นชอบในหลักการของกรอบการใช้จ่ายงบประมาณการขับเคลื่อนตามกรอบการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569-2570 และ รับทราบงบประมาณของภาครัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ทั้งงบประมาณในแผนและนอกแผน รวมถึงเงินจากกองทุนของรัฐที่ได้ลงทุนไปแล้ว ซึ่งมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 25,000 ล้านบาทอย่างไรก็ตามที่ประชุมได้เน้นย้ำการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน การยกระดับโครงสร้างและการประยุกต์ใช้ AI ผ่านศูนย์รวมความเชี่ยวชาญ การจัดทำแผนย่อยรายสาขาเพื่อให้ดำเนินงานได้ตามกรอบที่กำหนด และการจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการพัฒนา AI ของประเทศอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
31 กรกฎาคม 2568     |      51
มหาวิทยาลัยแม่โจ้บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคลเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568
วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม 2568 รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ นำคณะผู้บริหาร สมาคมศิษย์เก่า นักศึกษา เข้าร่วมบันทึกเทปโทรทัศน์ถวายพระพร เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) เชียงใหม่
24 กรกฎาคม 2568     |      37
พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่าง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ (คณะบริหารธุรกิจ) กับ บริษัท ไฮไลฟ์ โกลบอล ฟู้ดส์ จำกัด
วันพุธที่ 23 กรกฎาคม 2568 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยคณะบริหารธุรกิจ จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ กับ บริษัท ไฮไลฟ์ โกลบอล ฟู้ดส์ จำกัด ณ ห้องประชุมรวงผึ้ง สำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นประธานในพิธี พร้อมต้อนรับ ดร.บัณฑิต จำรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฮไลฟ์ โกลบอล ฟู้ดส์ จำกัด และคณะผู้บริหารที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้การลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือทางวิชาการ สนับสนุนและส่งเสริมด้านการจัดการสหกิจศึกษา และการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้พัฒนาความรู้และทักษะจากประสบการณ์จริงภายใต้การดูแลและถ่ายทอดความรู้จากผู้เชี่ยวชาญในสถานประกอบการอย่างเป็นระบบ
24 กรกฎาคม 2568     |      34
พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการนำผลงานทางวิชาการและผลงานการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในกระบวนการนิติบัญญัติ ระหว่าง สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา กับ มหาวิทยาลัยแม่โจ้
วันพุธที่ 16 กรกฎาคม 2568 ที่ห้องประชุม B1 -1 ชั้น B1 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) กรุงเทพฯ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการนำผลงานทางวิชาการ และผลงานการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในกระบวนการนิติบัญญัติ ระหว่างสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา มหาวิทยาลัยแม่โจ้สำหรับพิธีลงนามดังกล่าว เป็นการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการนำผลงานทางวิชาการและผลงานการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในกระบวนการนิติบัญญัติ ระหว่างสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา กับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยนางปัณณิตา สท้านไตรภพ เลขาธิการวุฒิสภา และรองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ลงนามในฐานะหัวหน้าส่วนราชการ และมีนายพีระพจน์ รัตนมาลี รองเลขาธิการวุฒิสภา และรองศาสตราจารย์ ดร.เกรียงศักดิ์ ศรีเงินยวง รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ลงนามเป็นพยานทั้งนี้วุฒิสภาเป็นองค์กรนิติบัญญัติที่มุ่งปฏิบัติหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน มีหน้าที่และอำนาจในการพิจารณากลั่นกรองกฎหมาย การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และการให้คำแนะนำหรือให้ความเห็นชอบให้บุคคลดำรงตำแหน่ง การที่วุฒิสภาจะได้รับการสนับสนุนผลงานวิชาการและผลงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศที่มีผลงานวิชาการและผลงานวิจัย รวมทั้งนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ปรากฎในระดับประเทศ และระดับนานาชาติจะช่วยให้การพิจารณาตัดสินใจในภารกิจด้านต่าง ๆ ของวุฒิสภา และคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความละเอียด รอบคอบ และอยู่บนพื้นฐานของหลักคิดทางวิชาการมากยิ่งขึ้น การจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการในวันนี้ จึงถือเป็นทั้งโอกาสและนิมิตหมายที่ดีของความร่วมมือในการเชื่อมโยงและบูรณาการการดำเนินงานเพื่อทำให้เกิดการสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ และการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัย ผลงานทางวิชาการ และนวัตกรรมร่วมกัน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและพัฒนาการของการประสานประโยชน์ระหว่างทั้งสามหน่วยงาน เพื่อรองรับการดำเนินงานในกระบวนการนิติบัญญัติ และเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน สังคม และประเทศชาติโดยรวม
18 กรกฎาคม 2568     |      72
น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้แถลงนโยบายการขับเคลื่อนกระทรวง อว. โดยมี ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. และผู้บริหารกระทรวง อว. เข้าร่วม ที่ห้องประชุมชั้น 4 อาคารพระจอมเกล้า สำนักงานปลัดกระทรวง อว.(โยธี)
น.ส.สุดาวรรณ กล่าวว่า การเข้าทำงานในฐานะ รมว.อว. ตนตั้งใจที่จะทำให้งานอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรม เป็นกลไกสำคัญในการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ผ่านการใช้องค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อทำให้ประเทศไทยออกจากกับดักรายได้ปานกลางและเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมของประเทศไปสู่อุตสาหกรรมสมัยใหม่และมีมูลค่าสูง ซึ่งต้องอาศัยกำลังคนทักษะสูง การวิจัย การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ การสร้างผู้ประกอบการหรือ Tech Start-up ให้กับประเทศ ซึ่งแน่นอน กระทรวง อว. มีบทบาทสำคัญมากในเรื่องนี้ อีกทั้งตนเคยดำรงตำแหน่ง รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงวัฒนธรรม ดูแลงานท่องเที่ยวและโครงการ Soft Power ที่เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลมาก่อน จึงทราบดีว่าการที่จะขับเคลื่อนนโยบายเหล่านี้ ต้องอาศัยมหาวิทยาลัยและหน่วยงานวิจัยต่างๆ เข้ามาช่วยสนับสนุนทั้งด้านการเตรียมคน การพัฒนาทักษะกำลังคน และการใช้องค์ความรู้ เทคโนโลยีใหม่ๆรมว.อว. กล่าวต่อว่า นโยบายการทำงานของกระทรวง อว.จะแบ่งเป็น 2 ด้าน ด้านแรก คือ การพัฒนากำลังคน เน้นเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำทางการเข้าถึงอุดมศึกษาของคนในประเทศ พร้อมกับเรื่องการพัฒนากำลังคนของประเทศเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาประเทศในปัจจุบันและอนาคต ได้แก่ 1.ส่งเสริมทุนเพื่อการเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา เช่น การอุดหนุนค่าสมัครการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา(TCAS) เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา โดยจะสนับสนุนเงินอุดหนุนค่าสมัครสอบในการสอบวัดความถนัดทั่วไป TGAT ในอัตรา 140 บาทต่อคน ค่าสมัครสอบรอบที่ 3 แอดมิชชั่นในระบบ TCAS โดยผู้สมัครสามารถเลือกสมัครได้สูงสุด 7 อันดับฟรี ในอัตรา 600 บาทต่อคน และใน TCAS ปีนี้จะสนับสนุนค่าสมัครสอบวัดความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ TPAT1-5 เพิ่มเติม (TPAT 1 สอบ กสพท. อัตรา 800 บาทต่อคน และ TPAT 2-5 อัตรา 140 บาทต่อคน) ซึ่งคาดว่าจะมีนักเรียนและผู้ปกครองได้รับประโยชน์กว่า 733,750 คน และการสนับสนุนทุนเพื่อนักศึกษาพิการ ทุนเพื่อเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล ทุน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และทุนอื่นๆ อีกจำนวน 7,900 ทุน แบ่งเป็นทุนคนพิการ 2,000 ทุน ทุนเพื่อเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล 3,173 ทุน ทุนสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 355 ทุน ทุนสำหรับนักศึกษาเรียนดีแต่ยากจน 80 ทุน สนับสนุนทุนการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในประเทศ (จังหวัดชายแดนภาคใต้) 2,324 ทุน และจะให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2.ทุนเพื่อให้โอกาสเรียนปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอก สำหรับเด็กเรียนดี จำนวน 2,800 ทุน ซึ่งจะมีทั้งทุนด้านวิทยาศาสตร์ และทุนด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ฯ โดยเน้นการส่งเสริมกำลังคนตามความต้องการของประเทศ และปรับเงื่อนไขการรับทุนการชดใช้ทุนเพื่อให้ผู้รับทุนสามารถสร้างประโยชน์ในภาคเอกชนนอกเหนือจากภาครัฐอย่างเดียว และ 3. ทุนเพื่อพัฒนากำลังคนเฉพาะทางในสาขาที่เป็นความต้องการของประเทศอย่างเร่งด่วน เช่น ด้านอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ด้าน AI ด้าน EV รวมถึง Soft Power หลายด้าน เช่น ด้านอาหาร ด้านท่องเที่ยว และด้านกีฬา เป็นต้น น.ส.สุดาวรรณ กล่าวอีกว่า ขณะที่ด้านที่สองคือการพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ซึ่งกระทรวง อว. มีกองทุนส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม ที่ได้รับงบประมาณ 19,828 ล้านบาท ตนอยากเห็นว่า การวิจัย การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกิดผลกระทบ (Impact) จริงต่อทั้งภาคเศรษฐกิจและสังคม จึงมีนโยบาย ดังนี้ 1.ขอให้เน้นประสิทธิภาพในการบริหารกองทุน การจัดสรรทุน การจัดสรรงบประมาณไปยังหน่วยให้ทุนหรือ PMU และจาก PMU ไปยังมหาวิทยาลัยและนักวิจัย ต้องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมในทุกมิติทั้งในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ ธุรกิจชุมชน SMEs อุตสาหกรรมสมัยใหม่ รวมถึงการทำวิจัยที่ส่งเสริมการสร้างองค์ความรู้สมัยใหม่ การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง 2.การนำ ววน. ไปช่วยสนับสนุนภาคเกษตร ให้สามารถแข่งขันได้ โดยต้องมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีองค์ความรู้ด้าน ววน. ไปช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน ยกระดับคุณภาพผลผลิต การนำเทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัย สามารถควบคุมปัจจัยการผลิตต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ เช่น การทำเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) โดยเฉพาะในพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ เช่น ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ยางพารา เป็นต้น 3. นำ ววน. ไปช่วยเรื่องการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เช่น PM 2.5 น้ำท่วม ภัยแล้ง เป็นต้น เพื่อพัฒนาและเร่งแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และภัยพิบัติ ในหลายๆ ด้าน และ 4. ส่งเสริมการวิจัยในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ ส่งเสริมการสร้างอุตสาหกรรมสมัยใหม่ของประเทศ ทั้งจากการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และการสร้าง Deep tech start-up ในประเทศ เช่น ด้านยานยนต์สมัยใหม่ อาหารแห่งอนาคต เศรษฐกิจอวกาศ (Space economy) AI เซมิคอนดักเตอร์ และ อิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูง“ที่สำคัญ ดิฉันและทั้งองคาพยพของกระทรวง อว.จะร่วมกันสร้าง “1 มหาวิทยาลัย 1 ภารกิจ เพื่อท้องถิ่น” เป็นการดึงศักยภาพทั้งกำลังของคนและวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมของกระทรวง อว. มาสร้างการพัฒนาในระดับพื้นที่ เพราะปัจจุบันเรามี “อว. ส่วนหน้า” ประจำจังหวัดต่างๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาในพื้นที่อยู่แล้ว และหลังจากนี้แต่ละหน่วยงาน ทั้งสถาบันอุดมศึกษา สถาบันวิจัย จะเข้าไปดูว่าในแต่ละพื้นที่ที่ตนดูแลหรือเข้าไปเกี่ยวข้อง มีปัญหาอะไรที่ควรจะเข้าไปดูแลจัดการ โดยใช้การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) เข้าไปช่วยในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ และต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เช่น ปัญหาผลผลิตเกษตรตกต่ำ ปัญหาสภาพดิน ปัญหาโรคพืช ปัญหาแปรรูปสินค้า ปัญหา PM 2.5. ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง คุณภาพน้ำ ปัญหาขยะ เป็นต้น” น.ส.สุดาวรรณ กล่าว
14 กรกฎาคม 2568     |      71
ขอขอบคุณผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร นักศึกษา ศิษย์เก่าแม่โจ้ ส่วนราชการ เอกชน ประชาชนทุกภาคส่วน ที่เป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมเสริมสร้างอัตลักษณ์ลูกแม่โจ้ ประจำปี 2568
ขอขอบคุณผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร นักศึกษา ศิษย์เก่าแม่โจ้ ส่วนราชการ เอกชน ประชาชนทุกภาคส่วน ที่เป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมเสริมสร้างอัตลักษณ์ลูกแม่โจ้ ประจำปี 2568 ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย แม่โจ้ยังคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์และสืบสานประเพณีภายใต้บริบทของการเปลี่ยนแปลง เรายังคงยึดมั่นว่าจะผลิตบัณฑิตที่อุดมด้วยปัญญาและมีคุณค่าของสังคมสืบไป ขอแสดงความยินดีและต้อนรับอินทนิลช่อที่ 90สู่อ้อมอกแม่โจ้ "มหาวิทยาลัยแห่งชีวิต" รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ 23/06/2568
24 มิถุนายน 2568     |      52
กิจกรรมรับขวัญน้องใหม่ กลัดเข็มผูกไท ร้อยดวงใจ สานสายใยอินทนิล เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่น้องใหม่ ลูกแม่โจ้รุ่นที่ 90
วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2568 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกับ สมาคมศิษย์เก่าแม่โจ้ และองค์กรนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ จัดกิจกรรมรับขวัญน้องใหม่ กลัดเข็มผูกไท ร้อยดวงใจ สานสายใยอินทนิล เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่น้องใหม่ ลูกแม่โจ้รุ่นที่ 90 ที่ผ่านกิจกรรมเสริมสร้างอัตลักษณ์ลูกแม่โจ้อย่างสมบูรณ์ และสร้างความภาคภูมิใจในเครื่องแบบ เครื่องหมายสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย โดยมีคณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร ศิษย์เก่า ร่วมคล้องมาลัย เจิมหน้ารับขวัญน้องใหม่อย่างอบอุ่นโอกาสนี้ได้รับเกียรติจาก นายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีพร้อมกล่าวต้อนรับและให้กำลังใจน้องใหม่แม่โจ้รุ่น 90 ที่เดินทางมาใช้ชีวิตในจังหวัดเชียงใหม่ และ รศ.ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวให้โอวาทแก่นักศึกษา มีคณะผู้บริหาร คณาจารย์ ศิษย์เก่า กล่าวมอบสัญลักษณ์พร้อมกลัดเข็มปกเสื้อและเข็มเนคไท ให้กับผู้แทนนักศึกษาใหม่แต่ละคณะ/วิทยาลัยจากนั้น เป็นพิธีมอบเสื้อสามารถให้กับนักวิ่ง และกิจกรรมประกอบช่ออินทนิล ช่อที่ 90 ซึ่งแต่ละคณะได้รับจากการ checkpoint จุดเส้นชัยในกิจกรรมเดิน วิ่ง แม่โจ้ – สันทราย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความรัก ความผูกพัน ความสามัคคีของลูกแม่โจ้รุ่นที่ 90 ที่ได้ร่วมกันฝ่าฟันอุคสรรคจนประสบความสำเร็จนอกจากนี้ยังมีกิจกรรมแสดงขบวนศิลปวัฒนธรรม และกิจกรรมภาคบันเทิง สร้างความสนุกสนานแก่นักศึกษา ณ สนามกีฬาอินทนิล มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่
23 มิถุนายน 2568     |      44
“ศุภมาส” ชงแผนรับมือ “นโยบายทรัมป์” เร่งช่วยนักเรียนทุนทั้ง FAFSA หรือ Fulbright และทุนอื่นๆ จัดหาทุนสำรอง ดูแลเรื่องวีซ่า โอกาสการทำงานในไทยหรือประเทศทางเลือก คลอด 3 มาตรการพลิกวิกฤตสู่โอกาส หาพันธมิตรประเทศทางเลือกที่มีนโยบายเปิดกว้าง เช่น สหราชอาณาจักร แคนาดา จีน ออสเตรเลียพร้อมผลักดันไทยสู่ "Education Hub
          เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.68 น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 มีมติรับทราบมาตรการรับมือผลกระทบจากนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ที่มีต่อระบบการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) ของไทย เช่น นโยบาย “America First Foreign Aid”, การยกเลิกการสนับสนุนความหลากหลาย (DEI), และการปฏิรูประบบตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มข้นขึ้น (Extreme Vetting) มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อความร่วมมือด้านการศึกษาและทุนวิจัยระหว่างไทยและสหรัฐฯ รวมถึงโอกาสของนักศึกษาและนักวิจัยไทยในสหรัฐอเมริกา           รมว.กระทรวง อว. กล่าวต่อว่า ที่ประชุมฯ ได้เน้นย้ำให้เปลี่ยนความท้าทายเป็นโอกาสในการสร้างความเข้มแข็งและยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ซึ่ง กระทรวง อว.ได้ตระหนักถึงสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้เตรียมแผนรับมือ 3 ระยะ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างเป็นระบบและทันท่วงที โดยได้จัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อลดผลกระทบต่อระบบ อววน. ของประเทศไทย ประกอบด้วยแผนปฏิบัติการ 3 ระยะ ได้แก่ ระยะสั้น (ภายใน 1 ปี): ตั้งรับเชิงรุก ช่วยเหลือนักศึกษาไทย ในระยะเร่งด่วน กระทรวง อว.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งสำรวจจำนวนนักเรียนนักศึกษาไทยที่พึ่งพาทุนรัฐบาลสหรัฐฯ เช่น FAFSA หรือ Fulbright เพื่อเตรียมมาตรการช่วยเหลือเบื้องต้นผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทยในสหรัฐฯ พร้อมทั้งจัดทำบัญชีโครงการวิจัยที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อจัดหาทุนสำรองและกระจายความเสี่ยงโดยขยายความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ รวมถึงการมอบหมายหน่วยงานทำหน้าที่ให้คำแนะนำเรื่องวีซ่าและโอกาสการทำงานในไทยหรือประเทศทางเลือก         ส่วนระยะกลาง (1-3 ปี): ปรับกลยุทธ์ สร้างพันธมิตรใหม่ ประเทศไทยจะใช้การทูตผลักดันโครงการที่สอดคล้องกับผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ เพื่อรักษาความร่วมมือ พร้อมกันนี้จะจัดทำข้อมูลแนะแนวการศึกษาต่อในประเทศทางเลือกที่มีนโยบายเปิดกว้าง เช่น สหราชอาณาจักร แคนาดา จีน และออสเตรเลีย นอกจากนี้ จะเร่งพัฒนาหลักสูตรในไทยให้มีคุณภาพสูงเพื่อรองรับนักศึกษาไทยและต่างชาติ พร้อมออกมาตรการดึงดูดบุคลากรทักษะสูงทั้งชาวไทยและต่างชาติกลับสู่ประเทศ และระยะยาว (มากกว่า 3 ปี): พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ผลักดันไทยสู่ "Education Hub"  โดยมุ่งเน้นการยกระดับมหาวิทยาลัยไทยและพัฒนาหลักสูตรนานาชาติ (International Programs) ในสาขาอนาคตที่สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเศรษฐกิจดิจิทัล โดยจะสร้างความร่วมมือกับอาเซียนและสหภาพยุโรปเพื่อผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาและการวิจัย (Education Hub) ของภูมิภาค  และวางแผนพัฒนาภาคเอกชนไทยให้สามารถเข้าสู่ห่วงโซ่มูลค่าโลก (Global Value Chain)       “กระทรวง อว. มีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อนักศึกษาและนักวิจัยของไทยที่อาจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านสถานะวีซ่า การสนับสนุนทางการเงินและวิชาการ โดยขอให้มั่นใจว่ากระทรวง อว. ได้เตรียมมาตรการรองรับเพื่อดูแลทุกท่านอย่างดีที่สุด เพราะทุกท่านคือบุคลากรคุณภาพที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ” น.ส.ศุภมาส กล่าว
19 มิถุนายน 2568     |      60
ประกาศเปิดรับข้อเสนอโครงการวิจัยร่วมภายใต้ความร่วมมือด้านอุดมศึกษาและการวิจัยระหว่างไทย - ฝรั่งเศส (Franco -Thai Mobility Programme/ PHC SIAM) ประจำปี พ.ศ. 2569 - 2570
ประกาศเปิดรับข้อเสนอโครงการวิจัยร่วมภายใต้ความร่วมมือด้านอุดมศึกษาและการวิจัยระหว่างไทย - ฝรั่งเศส (Franco -Thai Mobility Programme/ PHC SIAM) ประจำปี พ.ศ. 2569 - 2570        สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) ร่วมกับรัฐบาลฝรั่งเศส เปิดรับข้อเสนอโครงการวิจัยร่วมภายใต้ความร่วมมือด้านอุดมศึกษาและการวิจัยระหว่างไทย-ฝรั่งเศส (Franco-Thai Cooperation Programme in Higher Education and Research/Franco-Thai Mobility Programme/ PHC SIAM) ประจำปี พ.ศ. 2569 - 2570 โดยผู้สนใจสามารถจัดทำข้อเสนอโครงการและเอกสารประกอบการสมัครจำนวน 8 ชุด (ต้นฉบับ 1 ชุด และสำเนา 7 ชุด) พร้อมหนังสือนำจากสถาบันอุดมศึกษาต้นสังกัดหรือสถาบัน/หน่วยงานวิจัยภายใต้ อว. ต้นสังกัดส่งไปยัง สป.อว. ภายในพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม 2568       ศึกษารายละเอียดและดาวน์โหลดใบสมัครและเอกสารประกอบการสมัครได้ที่ https://mhesi.e-office.cloud/d/76b4fbb3 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ผู้ประสานงานโครงการของ สป.อว. (นางสาววรรณี กล่อมละเอียด) โทร. 0 2610 5423 ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ wannee.k@mhesi.go.th
26 พฤษภาคม 2568     |      91
มหาวิทยาลัยแม่โจ้บันทึกเทปถวายพระพรเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568
วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม 2568 รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บุคลากร นักศึกษา ร่วมบันทึกเทปถวายพระพร เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย ณ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) จังหวัดเชียงใหม่
20 พฤษภาคม 2568     |      68
“ศุภมาส” เอาจริงแก้ปัญหานักศึกษาต่างชาติหนีมาทำงานในไทย ออกประกาศคุมเข้ม “หลักสูตรระยะสั้น (Non-degree) นักศึกษาต่างชาติ” ทุกสถาบันที่เปิดสอนต้องส่งหลักสูตร บันทึกการเข้าเรียน จำนวนนักศึกษามาให้กระทรวง อว.ตรวจสอบ ให้เรียนแบบออนไซต์ไม่น้อยกว่า 60% ออนไลน์ไม่เกิน 40% เวลาเรียนไม่เกิน 180 วัน มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 14 พ.ค.68
เมื่อวันที่ 15 พ.ค.68 น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า กระทรวง อว. ได้ออกประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรระยะสั้น (Non-degree) สำหรับนักศึกษาต่างชาติของสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2568 อย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการขออนุญาตให้นักศึกษาต่างชาติพำนักอยูในประเทศไทยเป็นไปตามกฎหมายและข้อตกลงร่วมกันระหว่างกระทรวง อว. และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) โดยในประกาศฉบับนี้ได้กำหนดให้สถาบันอุดมศึกษาดำเนินการอย่างรัดกุม ครอบคลุมทั้งด้านคุณภาพหลักสูตร การบริหารจัดการนักศึกษาต่างชาติ และการรายงานผลการดำเนินงานต่อกระทรวงอย่างต่อเนื่องรมว.กระทรวง อว.กล่าวต่อว่า สาระสำคัญของประกาศฯ คือ 1.สถาบันที่เปิดสอนหลักสูตรระยะสั้นต้องมีความเชี่ยวชาญ มีความพร้อมทั้งในด้านเนื้อหา ผู้สอน และผลลัพธ์การเรียนรู้ (Learning Outcomes) ที่ชัดเจน เพื่อรักษามาตรฐานของการศึกษาไทย 2.สถาบันต้องจัดส่งข้อมูลหลักสูตรให้สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ทราบ อาทิ ชื่อหลักสูตร หน่วยงานและอาจารย์ผู้รับผิดชอบ วัตถุประสงค์ โครงสร้างและเนื้อหา รูปแบบการเรียนการสอน โดยต้องเรียนแบบออนไซต์ไม่น้อยกว่า 60% ออนไลน์ไม่เกิน 40% ของเนื้อหาวิชาและระยะเวลาของหลักสูตร ระยะเวลาของหลักสูตรไม่เกิน 180 วัน ตารางการเรียนการสอนรายวันและรายสัปดาห์ บันทึกการเข้าเรียน คุณสมบัติของนักศึกษา ระยะเวลาการรับสมัคร จำนวนนักศึกษาต่างชาติที่เปิดรับ รวมถึงภาษาที่ใช้ สถานที่เรียน และวิธีการประเมินผล 3.สถาบันต้องดำเนินการออกหนังสือรับรองและขอให้นักศึกษาต่างชาติพำนักอยู่ในประเทศไทยเพื่อการศึกษาในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ตามความเหมาะสมและความจำเป็นของหลักสูตร โดยต้องไม่เกินครั้งละ 180 วัน และควรมีการตรวจสอบผลการศึกษา กรณีนักศึกษาต่างชาติเคยเข้าศึกษาในหลักสูตรอื่นๆ ของสถาบันอุดมศึกษาแห่งใดแห่งหนึ่งมาก่อน 4.เมื่อ สตม.อนุญาตให้พำนักในราชอาณาจักรเพื่อศึกษาหลักสูตรดังกล่าว สถาบันต้องรายงานข้อมูลนักศึกษาต่างชาติให้สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ทราบภายใน 30 วัน 5.สถาบันต้องกำหนดแนวปฏิบัติในการตรวจสอบการเข้าเรียนของนักศึกษาต่างชาติ และต้องจัดส่งรายงานความก้าวหน้าในการศึกษาของนักศึกษาในหลักสูตรดังกล่าวเป็นประจำทุกเดือนผ่านระบบฐานข้อมูลติดตามนักศึกษาต่างชาติของสำนักงานปลัดกระทรวง อว. โดยต้องระบุรายชื่อนักศึกษาที่กำลังศึกษา พ้นสภาพ และสำเร็จการศึกษาอย่างครบถ้วนและ 6. หากพบว่าสถาบันใดดำเนินการไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ สำนักงานปลัดกระทรวง อว. จะแจ้งให้สภาสถาบันพิจารณายกเลิกการเปิดหลักสูตรดังกล่าว“หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติใหม่นี้นอกจากจะทำให้การพำนักและศึกษาในประเทศไทยของนักศึกษาต่างชาติเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ยังจะช่วยยกระดับความเชื่อมั่นในระบบการศึกษาระยะสั้นของไทย เป็นที่ยอมรับระดับสากลและสนับสนุนให้นักศึกษาต่างชาติเข้ามาศึกษาในประเทศมากยิ่งขึ้น ภายใต้ระบบที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ“ น.ส.ศุภมาส กล่าว
19 พฤษภาคม 2568     |      132
“ศุภมาส” ประกาศจัดงาน “อว. Job Fair 2025” ครั้งแรกอย่างยิ่งใหญ่ เปลี่ยนความฝันให้เป็นอาชีพจริง เปิดรับสมัครงานสำหรับอาชีพยุคใหม่กว่า 150,000 อัตรา จากภาคธุรกิจชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ หน่วยงานภาครัฐ-องค์กรด้านวิทยาศาสตร์อีก 1,000 อัตรา พร้อมจัดอบรมเสริมทักษะคนไทยสู่โลกการทำงานยุคดิจิทัล
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. แถลงข่าวกระทรวง อว. เตรียมจัดงาน “อว. Job Fair 2025” ครั้งแรกอย่างยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 9–11 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ Exhibition Hall 1–2 ภายใต้แนวคิด “From Passion to Profession – เปลี่ยนความฝันให้เป็นอาชีพจริง” โดยมีศาสตราจารย์ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และผู้บริหารกระทรวง อว. เข้าร่วม ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 สป.อว. (โยธี)นางสาวศุภมาส กล่าวว่า งาน “อว. Job Fair 2025” จัดขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่เชื่อมโยงเยาวชน บัณฑิตใหม่ และแรงงานทักษะสูงกับตลาดแรงงานทั้งในและต่างประเทศ โดยมีภาคธุรกิจชั้นนำและภาครัฐมาร่วมเปิดบูธรับสมัครงานเป็นจำนวนมาก มีการเปิดรับสมัครตำแหน่งงานจากภาคธุรกิจชั้นนำทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 150,000 อัตรา เปิดรับสมัครตำแหน่งงานภาครัฐ ในหน่วยงานวิจัยระดับแนวหน้าและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ มากกว่า 1,000 อัตรา พร้อมเปิดโอกาสสู่โลกการทำงานจริงด้วยการฝึกงานในองค์กรชั้นนำและบริษัทสตาร์ทอัพชื่อดังทั้งในและต่างประเทศ มากกว่า 10,000 อัตรารมว.อว. กล่าวต่อว่า ตำแหน่งงานที่กระทรวง อว. รวบรวมมาเปิดรับสมัครในงานนี้ครอบคลุมทั้งอาชีพในปัจจุบันและอาชีพแห่งอนาคต ที่สำคัญ ใครสนใจที่อยากจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับกระทรวง อว. ในการทำงานกับองค์กรชั้นนำด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับประเทศต้องห้ามพลาด เพราะจะมีหลายหน่วยงานที่จะมาเปิดรับสมัครพร้อมๆ กันในงานนี้ อาทิ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เปิดรับสมัครบุคลากรตำแหน่งนักวิจัย และนักพัฒนาธุรกิจและการตลาด รวม 30 อัตรา พร้อมทั้งรับนักศึกษาฝึกงานอีก 50 คนในหลากหลายสาขาวิชา สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดรับสมัครบุคลากรจำนวน 43 อัตรา ครอบคลุมทั้งระดับผู้บริหาร นักวิจัย และสายสนับสนุน สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) เปิดรับสมัครวิศวกรแมคคาทรอนิกส์ วิศวกรซอฟต์แวร์ วิศวกรซอฟต์แวร์ฝังตัว วิศวกรเครื่องกล วิศวกรอิเล็กทรอนิกส์ วิศวกร FPGA (Field Programmable Gate Array) วิศวกรซ่อมบำรุง ช่างเทคนิคเครื่องกล นักวิทยาศาสตร์ควบคุมกล้องโทรทรรศน์ รวมถึงนักวิจัย/ผู้ช่วยนักวิจัย เป็นต้นขณะเดียวกัน สำหรับนักศึกษาหรือบัณทิตจบใหม่ที่ต้องการฝึกงานกับองค์กรชั้นนำและบริษัทสตาร์ทอัพ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ยังมาเปิดบูธรับสมัคร Innovator Trainee สำหรับนักศึกษาและบัณฑิตจบใหม่ไม่เกิน 2 ปี ไปฝึกงานในบริษัทสตาร์ทอัพ, เอสเอ็มอี (SMEs) และองค์กรธุรกิจในเครือข่ายผู้ประกอบการนวัตกรรม 30 บริษัท สัมภาษณ์และทราบผลในงานทันที รวมถึงยังมีเครือ IHG และ Marriott รับสมัครผู้ที่ต้องการฝึกงานกับโรงแรมในเครือ IHG และ Marriott ในสาขาต่างๆ เช่น การจัดการโรงแรม เชฟอาหารและเบเกอรี่ การบัญชี กว่า 5,000 อัตรา และยังเปิดรับสมัครงานสำหรับผู้ที่สนใจเข้าสู่อุตสาหกรรมบริการระดับสากลซึ่งกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลกกว่า 50,000 อัตราอีกด้วยนอกจากโอกาสการสมัครงานจริง ผู้เข้าร่วมงานยังจะได้พบกับกิจกรรมที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับศักยภาพคนไทยทุกช่วงวัย ทั้งในด้านทักษะ ความรู้ และเครือข่ายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น การอบรมหลักสูตร Upskill / Reskill / Newskill ที่มีมากกว่า 1,500 หลักสูตร และยังมีการเปิดรับสมัครผู้สนใจรับทุนการศึกษาต่อระดับสูงกว่าปริญญาตรีมากกว่า 230 ทุน รวมมูลค่ากว่า 170 ล้านบาท ที่สำคัญ พบกับเวทีเสวนาจากบุคคลต้นแบบ เช่น นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้ง Bitkub ที่จะบรรยายในหัวข้อ “Innovation to Opportunity” รวมถึง “หนุ่ย แบไต๋” ที่จะเปิดโลกอาชีพในยุค AI อย่างเข้าใจและทันเกม และ ดร. ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญาวิทยาจิตวิทยาพฤติกรรมชื่อดัง ที่จะมาแบ่งปัน “จิตวิทยาในการทำงาน” โตไว ไม่โดนหลอกใช้ เพื่อการเติบโตอย่างมีสติและมั่นใจในโลกการทำงานจริง“นี่เป็นครั้งแรกของกระทรวง อว. ในการสร้างพื้นที่หรือแพลตฟอร์มเพื่อเปิดโอกาสในการหางาน โดยเฉพาะอาชีพที่สอดรับกับยุคปัจจุบันรวมถึงอนาคต และ “อว. Job Fair 2025” ไม่ใช่เพียงพื้นที่การจ้างงานทั่วไป แต่ยังเป็นพื้นที่สำหรับการพัฒนาทักษะ สร้างแรงบันดาลใจ สร้างโอกาสในการเริ่มต้นอาชีพที่มั่นคงและมีคุณค่า เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง” นางสาวศุภมาส กล่าวงานนี้เข้าร่วมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ตลอดวันที่ 9–10 พฤษภาคม เวลา 10.00–20.00 น. และวันที่ 11 พฤษภาคม เวลา 10.00–18.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ Exhibition Hall 1–2 ผู้สนใจเข้าร่วมงานสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ https://jobfair.mhesi.go.th หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page: MHESI Thailand โดยผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงานจะได้ร่วมลุ้นรับรางวัล iPAD และรางวัลอื่นๆ มากกว่า 3,000 รายการ มูลค่ารวมกว่า 250,000 บาทพร้อมกันนี้ กระทรวง อว. ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน “อว.” เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลตำแหน่งงาน ทุนการศึกษา และกิจกรรมภายในงาน ผู้เข้าร่วมสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “อว. แอป” ได้แล้ววันนี้ ทั้งบนระบบปฏิบัติการ iOS และ Android
6 พฤษภาคม 2568     |      228
อว. จัดพิธีทำบุญตักบาตรเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวง อว. ครบรอบ 6 ปี
เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 68 ช่วงเช้า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดพิธีทำบุญตักบาตรอาหารแห้งและถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ จำนวน 10 รูป จากวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวง อว. ครบรอบ 6 ปี โดยมี น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง นางสาววราภรณ์ รุ่งตระการ รองปลัดกระทรวง นายวันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวง ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้ช่วยปลัดกระทรวง พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงาน ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมพิธี ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคารอุดมศึกษา 2 สป.อว. (ศรีอยุธยา)จากนั้น น.ส.ศุภมาส พร้อมคณะผู้บริหาร เดินทางไปยังห้องประชุมศาสตราจารย์ประเสริฐ ณ นคร ชั้น 3 อาคารอุดมศึกษา 1 สป.อว. (ศรีอยุธยา) เพื่อมอบใบประกาศเกียรติคุณแก่ “คนดีศรี อว.” ประจำปี พ.ศ. 2567 และถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช (รัชการที่ 4) ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กระทรวง อว. (โยธี)
2 พฤษภาคม 2568     |      112
คณะศิลปศาสตร์โครงการหลักสูตรอบรมเตรียมความพร้อมทักษะภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้กับผู้ที่รับทุนการศึกษารัฐบาลไทย ภายใต้ความร่วมมือทางวิชาการไทย-ลาว ปีการศึกษา 2568
วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม 2568 รศ.ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เข้าต้อนรับนักศึกษาทุน TICA (ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาไทย-ลาว) จำนวน 27 คน ในการฝึกอบรมหลักสูตรเตรียมความพร้อมทักษะภาษาไทยฯ โดยมี ผศ.ดร.ชนาพร ขันธบุตร คณบดีคณะศิลปศาสตร์ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของโครงการ ณ ห้อง 105 อาคารประเสริฐ ณ นคร คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ซึ่งการฝึกอบรมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือระหว่างประเทศ (TICA) ได้ขอความร่วมมือในการจัดฝึกอบรมหลักสูตรเตรียมความพร้อมทักษะภาษาไทย (เพื่อการสื่อสารและการเขียนเอกสารวิชาการ) ให้แก่ผู้รับทุนรัฐบาลไทยระดับปริญญาโท ภายใต้แผนงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาไทย - ลาว เพื่อที่พัฒนาทักษะภาษาไทยและภาษาอังกฤษของผู้รับทุนฯ อย่างบูรณาการ ทั้งในด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน รวมถึงการเรียนรู้วัฒนธรรมไทย โดยมุ่งหวังให้ผู้รับทุนฯ มีความพร้อมในการศึกษาต่อในระดับปริญญาโท และสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1 พฤษภาคม 2568     |      110
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ทูลเกล้าฯ ถวาย เมล็ดพันธุ์ข้าว แด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
วันพุธที่ 30 เมษายน 2568 รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ นำคณะผู้บริหาร คณาจารย์  นักวิจัยปรับปรุงพันธุ์ข้าว มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เฝ้าทูลละอองพระบาท ทูลเกล้าฯ ถวาย เมล็ดพันธุ์ข้าวเหนียวหอม กข-แม่โจ้ 2 จำนวน 5,000 กิโลกรัม  เมล็ดพันธุ์ข้าวเหนียวหอมหอมแม่โจ้ 90 ปี จำนวน 5,000 กิโลกรัม และข้าวสารข้าวเหนียวหอม หอมแม่โจ้ 90 ปี จำนวน 1,000 กิโลกรัม เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อพระราชทานไว้ใช้ในกิจกรรมโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร
1 พฤษภาคม 2568     |      79
มหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดพิธีดำหัวผู้อาวุโสและอธิการบดี ประจำปี 2568 สืบสานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง
      วันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2568  มหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดพิธีดำหัวผู้อาวุโสและอธิการบดี ประจำปี 2568 ร่วมสืบสานประเพณีปี๋ใหม่เมือง  โดยได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.เทพ พงษ์พานิช นายกสภามหาวิทยาลัย เป็นประธานอวยพรปีใหม่, รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นผู้แทนกล่าวขอขมาและขอพร จากนั้นคณะผู้บริหาร ผู้แทนแต่คณะ/สำนัก ร่วมประเคนของดำหัวผู้อาวุโส ณ  ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้       พิธีดำหัวอธิการบดีและผู้อาวุโสของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้จัดให้มีขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการร่วมขอขมา  คารวะผู้อาวุโส และเป็นการสืบสานประเพณีปีใหม่เมืองของชาวล้านนาหรือประเพณีปีใหม่ไทยช่วงเทศกาลสงกรานต์
28 เมษายน 2568     |      138
มหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดพิธีดำหัวนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ ประจำปี 2568
วันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2568 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จัดพิธีดำหัวนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ ประจำปี 2568 โดยได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.เทพ พงษ์พานิช นายกสภามหาวิทยาลัย เป็นประธานอวยพรปีใหม่, รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นผู้แทนกล่าวขอขมาและขอพร จากนั้นนำคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย และคณะกรรมการสภาฯ และบุคลากร ประกอบพิธีดำหัวนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อแสดงถึงความเคารพนบน้อม กตัญญูกตเวทีต่อผู้ทรงคุณวุฒิ และขอขมาลาโทษ พร้อมทั้งขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ และอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีของชาวล้านนาอันทรงคุณค่า  ณ ห้องคาวบอยโซน ชั้น 5 สำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้
28 เมษายน 2568     |      92
กระทรวง อว.ถก สตม. 23 เม.ย. นี้ กำหนดแนวทางเข้ม ตรวจนักศึกษาต่างชาติใช้วีซ่าเรียนลอบทำงานในไทย “ศุภมาส ” ลั่น หากพบสถานศึกษาใดมีส่วนรู้เห็นจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของ ...
         เมื่อวันที่ 22 เม.ย.68 น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยถึงการดำเนินการตรวจสอบกรณีที่มีข่าวว่าคนจีนได้วีซ่านักเรียนมาทำงานในไซต์งานก่อสร้างต่างๆ ของไทย โดยมีมหาวิทยาลัยบางแห่งเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ว่า ขณะนี้ ตนได้สั่งการให้กระทรวง อว. มีหนังสือถึงวิทยาลัยสงฆ์ลำพูน มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) และมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีทุนจีนถือหุ้นทั้ง 3 แห่ง ให้รายงานข้อมูลนักศึกษาจีนที่มาเรียน ทั้งจำนวนสาขาที่เรียน เวลาที่ใช้เรียนจนจบการศึกษา และวีซ่านักเรียนที่ได้รับ โดยขอให้ส่งรายละเอียดทั้งหมดมายังกระทรวง อว. ภายใน 1 สัปดาห์ นอกจากนี้สิ่งที่กระทรวง อว. กำลังจะดำเนินการควบคู่กัน คือ การทำงานร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) โดยตนได้มอบหมายให้ น.ส.สุชาดา ซาง แทนทรัพย์ เลขานุการ รมว.อว. เป็นผู้แทนร่วมหารือกับ สตม. ในวันที่ 23 เมษายน นี้ ที่กระทรวง อว. เพื่อกำหนดแนวทางการตรวจสอบและติดตามนักศึกษาต่างชาติที่เดินทางเข้ามาศึกษาในประเทศไทยอย่างเข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกรณีที่มีข้อสงสัยว่านักเรียนต่างชาติใช้วีซ่านักเรียนเป็นช่องทางในการเข้ามาทำงานผิดกฎหมาย     น.ส.ศุภมาส กล่าวต่อว่า การหารือร่วมกับ สตม. ในครั้งนี้ จะเป็นการบูรณาการข้อมูลระหว่างกระทรวง อว. กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อให้สามารถตรวจสอบสถานะและพฤติกรรมของนักศึกษาต่างชาติได้อย่างเป็นระบบ และหากพบว่าสถานศึกษาใดมีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลยให้เกิดการใช้สถานะนักศึกษาในทางที่ไม่ถูกต้อง ก็จะดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด      “กระทรวง อว. ยืนยันว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อกรณีที่เกิดขึ้น และจะเร่งดำเนินการให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของระบบการอุดมศึกษาไทย และไม่ให้ประเทศไทยถูกใช้เป็นช่องทางในการลักลอบเข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมาย” รมว.อว. กล่าว       ทั้งนี้ กระทรวง อว. จะเร่งจัดทำฐานข้อมูลกลางของนักศึกษาต่างชาติในประเทศไทย เพื่อใช้ประกอบการตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเตรียมทบทวนนโยบายและมาตรการในการรับนักศึกษาต่างชาติให้รัดกุมมากยิ่งขึ้นในอนาคต
23 เมษายน 2568     |      120
ผู้บริหารมหาวิทยาลัยแม่โจ้เข้าร่วมการประชุมสามัญที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย และสมาคมที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 2/2568 และการประชุมสามัญ สออ.ประเทศไทย ครั้งที่ 1/2568 ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2568 รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดี พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.เกรียงศักดิ์ ศรีเงินยวง รองอธิการบดี เข้าร่วมการประชุมสามัญที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย และสมาคมที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 2/2568และการประชุมสามัญ สออ.ประเทศไทย ครั้งที่ 1/2568 โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กล่าวเปิดการประชุม ณ ห้องประชุมสารสิน ชั้น 2 อาคารสิริคุณากร สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่นสำหรับการประชุมครั้งนี้มีการรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการตามโครงสร้างการบริหารงาน ทปอ. พร้อมหารือแนวทางการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ปีการศึกษา 2568
21 เมษายน 2568     |      98
อว. ร่วมสืบสานวัฒนธรรมไทย และรักษาประเพณีอันดีงาม วัน ”สงกรานต์ ปี 2568“
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดพิธีสรงน้ำพระพุทธรูปและรดน้ำขอพร เนื่องในโอกาสประเพณีวันสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยมี นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. นายวันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวง อว. คณะผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ อว. เข้าร่วมในพิธี ณ ห้องโถงชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า สำนักงานปลัดกระทรวง อว. (ถนนโยธี)ในวาระนี้ รมว.อว. นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ กระทรวง อว. ร่วมพิธีสรงน้ำพระพุทธรูป และรดน้ำขอพรจากอดีตผู้บริหาร ประกอบด้วย นายกฤษณพงศ์ กีรติกร อดีตเลขาธิการ กกอ. ดร.สุภัทร จำปาทอง อดีตเลขาธิการ กกอ. เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการและบุคลากร ผู้ปฏิบัติงานในกระทรวง อว.
8 เมษายน 2568     |      123
จากวิกฤตสู่โอกาส เร่งเครื่องธุรกิจ GreenTech เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero
?? แม้ทั่วโลกจะประกาศเจตนารมณ์ของการไปสู่เป้าหมาย “Net Zero”แต่ในปี 2024 ตัวเลขการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลกยังคงเพิ่มสวนทางกับหมุดหมายที่วางไว้ ?? ตั้งแต่ในปี 2015 ที่หลายประเทศทั่วโลกร่วมลงนามใน“ความตกลงปารีส (Paris Agreement)”มาจวบจนปัจจุบันเป็นเวลาถึง 10 ปีที่ภาพรวมยังคงมีความท้าทายอยู่อีกมากมาย โดยเฉพาะตัวเลขการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ยังคงเพิ่มขึ้นไปถึงระดับ 4.16 หมื่นล้านตัน ซึ่งเกิดจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่เพิ่มขึ้นกว่าปี 2023 ถึง 0.8% และการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์จากที่ดินที่ทำให้พื้นที่ป่าลดลง ?? การเพิ่มขึ้นของปริมาณคาร์บอนในชั้นบรรยากาศส่งผลกระทบที่ชัดเจนมากขึ้นจน UNEP มีการเตือนผ่านรายงานEmissions Gap 2024: “No more hot air please!”ว่าหากยังไม่มีมาตรการการดำเนินงานที่เข้มงวดอย่างจริงจัง อุณหภูมิโลกอาจเพิ่มขึ้น 2.6 - 3.1 °C ในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งจะนำไปสู่ผลกระทบทางธรรมชาติที่รุนแรงต่อทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจจนไม่อาจหวนคืนกลับสู่ภาวะปกติได้ ? ตอนนี้แม้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจดูสิ้นไร้หนทาง แต่โลกยังสามารถรับมือกับความท้าทายนี้โดยมีทางออกที่สำคัญคือ การพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เกษตรยั่งยืน เทคโนโลยีการดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS) และการเพิ่มพื้นที่ป่า เป็นต้นที่จะมีส่วนช่วยในการดูดซับปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในการสนับสนุนธุรกิจเหล่านี้สิ่งสำคัญมากที่สุดคือการเพิ่มการลงทุนจากหน่วยงานต่างๆ ให้มากกว่าเดิม ?? เพราะตามรายงานของ BloombergNEF ระบุไว้ว่า ในปีที่ผ่านมาทั่วโลกมีการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและแหล่งพลังงานเพียง 37% ของสัดส่วนจำเป็นเท่านั้น ในขณะที่ปัจจุบันทั่วโลกต้องเพิ่มการลงทุนเงินไปให้ถึง 5.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ปี 2025 - 2030 จึงจะเพียงพอต่อการพัฒนา อีกทั้งประเทศต่างๆ ต้องสร้างการร่วมมือระหว่างประเทศในการปฏิรูประบบการเงินระดับโลก มองหามาตรการที่สามารถเพิ่มผลประโยชน์ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม สำหรับประเทศไทยเองได้มีการตั้งเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามแนวทางจากการประชุม COP26 ที่จัดขึ้นเมื่อปี 2021 โดยประกาศว่า ประเทศไทยจะเป็น‘กลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)’ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 ?? ดังนั้นการจะไปถึงเป้าหมายทั่วโลกยังต้องการพึ่งพาธุรกิจที่ดำเนินงานเกี่ยวกับ“เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน หรือ GreenTech”ที่จะครอบคลุมถึงเทคโนโลยีสะอาด (CleanTech) และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Tech) เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับภาคธุรกิจเหล่านั้น NIA จึงมีโครงการ "Climate Tech Acceleration Program"ที่มีเป้าหมายในการสร้างโอกาสทางการตลาด มุ่งขยายศักยภาพผ่านกิจกรรมการให้คำปรึกษา สร้างเครือข่ายขยายการลงทุนให้กับสตาร์ทอัพที่จะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero  ??‍?? จากที่ได้เริ่มต้นโปรแกรมนี้ในปี 2024 ถึงเวลาแล้วที่จะสานต่อและเดินหน้าการสนับสนุนอีกครั้ง ซึ่งจากปีที่ผ่านมาได้มีการเปิดรับธุรกิจที่มีผลงานพร้อมขยายออกสู่ตลาดใน 4 กลุ่มธุรกิจด้วยกัน ได้แก่ Clean Energy, Energy Conservation, Data Analytics และ Waste Utilization ซึ่งClimateTech Acceleration Program 2025นี้ ได้มีการเพิ่มธุรกิจด้าน Sustainable Logistic หรือระบบโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ามา เพื่อจะครอบคลุมการแก้ปัญหาอย่างรอบด้านยิ่งขึ้น ?? ในท้ายที่สุด การบรรลุเป้าหมาย Net Zero จึงไม่ใช่การอาศัยผลงานของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของความร่วมมือในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล นักลงทุน หรือภาคธุรกิจ ที่จะมาร่วมมือเร่งผลักดันการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างจริงจัง เพื่อหาโอกาสที่โลกจะรอดพ้นจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ไปสู่อนาคตด้านพลังงานที่ยั่งยืนได้สำเร็จ ?? สำหรับสตาร์ทอัพที่สนใจเข้าร่วม Climate Tech Acceleration Program 2025 นี้ สามารถรอติดตามข่าวการเปิดรับสมัครโครงการผ่านทางเพจของ NIA ได้เลย อ้างอิงข้อมูลจาก: https://ccf.tgo.or.th/wp-content/uploads/2024/10/Final_คู่มือการดำเนินงานสู่เป้าหมาย-Net-Zero.pdf https://policywatch.thaipbs.or.th/article/environment-97 https://www.unep.org/resources/emissions-gap-report-2024 https://www.infoquest.co.th/2025/465960 https://esguniverse.com/content/greenhouse-gas-emissions-differences-in-2024/ https://www.nia.or.th/event/climate-acceleration-program-2024
8 เมษายน 2568     |      135
“โควตาบุตรหลานศิษย์เก่าแม่โจ้” สำหรับศิษย์เก่าแม่โจ้ ทั่วประเทศ ขยายเวลา ถึง วันที่ 18 เมษายน 2568
สมัครที่https://admissions.mju.ac.th/www/alumni.aspx* หลักสูตร 4 ปี เทียบเรียน : รับผู้จบ ปวส. หรือ เทียบเท่า รายละเอียด :https://admissions.mju.ac.th/www/FileAnnouncement/172.pdf* หลักสูตร 4 และ 5 ปี : รับผู้จบ ม.6 ปวช. กศน. GED หรือ เทียบเท่า รายละเอียด :https://admissions.mju.ac.th/www/FileAnnouncement/173.pdfมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกับ สมาคมศิษย์เก่าแม่โจ้เปิดรับสมัครบุตรหลานศิษย์เก่าแม่โจ้ เพื่อเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ปีการศึกษา 2568มีทุกสาขาวิชา/ทุกคณะ/วิทยาเขต(ยกเว้นคณะพยาบาลศาสตร์)คุณสมบัติ (เป็นไปตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด)* หลักสูตร 4 ปี เทียบเรียน : รับผู้จบ ปวส. หรือ เทียบเท่า GPAX 2.00 ขึ้นไป* หลักสูตร 4 และ 5 ปี : รับผู้จบ ม.6 ปวช. กศน. GED หรือ เทียบเท่า GPAX = ไม่ระบุ/2.00/2.25/2.50/2.75 ขึ้นไปสมัครออนไลน์ : บัดนี้ ถึงวันนี้ 18 เมษายน 2568ชำระเงินค่าสมัคร : ภายในวันที่ 18 เมษายน 2568 (ก่อนเวลา 22.00 น.)พิมพ์ใบสมัครจากระบบออนไลน์ : วันถัดไปหลังจากชำระเงินค่าสมัครจัดส่งใบสมัครให้สมาคมศิษย์เก่าฯ(ทางไปรษณีย์) : ภายในวันที่ 21 เมษายน 2568ประกาศผลออนไลน์ : วันที่ 30 เมษายน 2568ชำระเงินค่าเทอม(เหมาจ่าย)ออนไลน์ :* หลักสูตร 4 ปี เทียบเรียน : วันที่ 1-15 พฤษภาคม 2568* หลักสูตร 4 และ 5 ปี : วันที่ 6-15 พฤษภาคม 2568 (ยืนยันสิทธิ์mytcas.comวันที่ 2-3 พฤษภาคม 2568)เปิดภาคเรียนที่ 1/2568 : วันที่ 23 มิถุนายน 2568ติดต่อสอบถาม :ข้อมูลทั่วไป&การส่งใบสมัคร : สมาคมศิษย์เก่าแม่โจ้ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เลขที่ 63 ม.4 ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ 50290 โทรศัพท์ 0 5387 8140 โทรสาร 0 5387 8140 (วันจันทร์-ศุกร์ 08.30-16.30 น.)เพจ FB :https://www.facebook.com/maejoalumniassociation...เกี่ยวกับการสมัครออนไลน์ : ฝ่ายรับสมัครและประชาสัมพันธ์หลักสูตร สำนักบริหารและพัฒนาวิชาการ โทรศัพท์ 0 5387 3460 (วันจันทร์-ศุกร์ 08.30-16.30 น.)
8 เมษายน 2568     |      192
สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ชู ม.แม่โจ้ ปั้นนักศึกษาสู่ผู้ประกอบการเทคโนโลยีเกษตรและอาหารรุ่นใหม่ พร้อมดึงงานวิจัย-นวัตกรรมต่อยอดเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ
ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนและพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนา อววน. สำนักงานปลัดกระทรวง อว. พร้อมด้วย ศ.ศันสนีย์ ไชยโรจน์ ประธานคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดสถาบันอุดมศึกษา กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม และ รศ.ศักดิ์เกษม ระมิงค์วงศ์ ผศ.ไชยยันต์ ชนะพรมมา คณะกรรมการฯ ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาความเป็นเลิศของสถาบันอุดมศึกษาและพัฒนากำลังคนขั้นสูง (Reinventing University) ประจำปีงบประมาณ 2567 ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ โดยมี รศ.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และผู้บริหารมหาวิทยาลัย ให้การต้อนรับ พร้อมนำเยี่ยมชมผลการดำเนินงานด้านการจัดการทรัพย์สินทางปัญญา ณ อุทยานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเกษตรและอาหารรองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยแม่โจ้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันเกษตรอัจฉริยะในประเทศไทย มีหลักสูตรด้านวิศวกรรมฟาร์มอัจฉริยะและนวัตกรรม เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถในการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการเกษตร มหาวิทยาลัยได้จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมเกษตรสมัยใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะให้กับเกษตรกรและผู้ที่สนใจ และมีการดำเนินงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะอย่างต่อเนื่อง และได้นำความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเกษตรอัจฉริยะ (Intelligent Agriculture) ประกอบกับจุดเด่นในด้านเครือข่ายความร่วมมือกับผู้ประกอบการและหน่วยงานทุกภาคส่วน มาใช้เป็นกลไกในการดำเนินการพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีเกษตรและอาหาร พร้อมทั้งสนับสนุนนักศึกษาที่สนใจเป็นผู้ประกอบการให้นำผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่สนใจมาต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงสามารถสร้างและพัฒนาศักยภาพผู้เรียนให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและสามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์เพื่อสร้างผลงานและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณค่าเพิ่มขึ้นด้าน ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยแม่โจ้มีความพร้อมและประสบการณ์ในการพัฒนาผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ภายใต้นโยบายสู่การเป็น Entrepreneurial University ผ่านกลไกระบบนิเวศในการสนับสนุนผู้ประกอบการของมหาวิทยาลัย และจากผลการดำเนินงานภายใต้โครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย (Reinventing University) ตั้งแต่ปี 2564 ถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้ขยายผลสู่การสร้างผู้ประกอบการเทคโนโลยีเกษตรและอาหารรุ่นใหม่ MJU Agri smart startup Academy จะเป็นการเสริมสร้างและผลักดันให้มหาวิทยาลัยเกิดผู้ประกอบการใหม่จากฐานนักศึกษา ภายใต้ระบบนิเวศของมหาวิทยาลัยที่มีการเชื่อมโยงและผลักดันผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านรูปแบบการสอนในกลุ่มวิชาการเป็นผู้ประกอบการและการจัดโปรแกรมการอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพให้แก่นักศึกษาอย่างเป็นระบบศ.ศันสนีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้วางรากฐานกลไกและระบบเพื่อผลักดันผลงานวิจัย นวัตกรรม เทคโนโลยี และทรัพย์สินทางปัญญาจากองค์ความรู้ทางวิชาการของมหาวิทยาลัยมาเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรมหรือภาคธุรกิจเอกชน เพื่อพัฒนาสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์และสร้างผู้ประกอบการใหม่ อีกทั้ง สร้างกำลังคนและทักษะด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม และการบริหารจัดการด้านทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อตอบโจทย์การพัฒนานวัตกรรมของประเทศ และพัฒนาทักษะของบุคลากรให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในอนาคต จะเห็นว่า จากการดำเนินการดังกล่าว ในปีนี้ มหาวิทยาลัยได้นำผลงานวิจัยยื่นขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ จำนวน 13 ผลงาน ซึ่งสามารถนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ๆ ที่จะช่วยสร้างรายได้ให้กับมหาวิทยาลัย และกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจในวงกว้าง นอกจากนี้ อีกหนึ่งความสำเร็จที่โดดเด่น คือ การผลักดันการยื่นขอรับความคุ้มครองสิทธิพันธุ์พืช จำนวน 3 คำขอในสหรัฐอเมริกา ต่อสำนักงานสิทธิบัตรสหรัฐอเมริกา (USPTO) จากผลงานการพัฒนาพันธุ์ดอกปทุมมา และการปรับปรุงพันธุ์ระหว่างปทุมมาและกระเจียวพลอยไพลิน ได้แก่ แม่โจ้กรีนเพิร์ล แม่โจ้ไวท์เพิร์ล และแม่โจ้พิงค์เพิร์ล และได้ร่วมกับสถานประกอบการธุรกิจเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาไม้ประดับ เพื่อวางแนวทางการนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ต่อไป“คณะกรรมการฯ เห็นว่า ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2567 ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งได้ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่า การพัฒนาทักษะด้านความเป็นผู้ประกอบการ ควรต้องบูรณาการร่วมกันทั้งระบบ โดยเสริมเข้าไปในหลักสูตรรายวิชาทั่วไป (GenED) รวมถึงควรมีระบบการประเมินและเครื่องมือในการประเมินสมรรถนะของผู้สอนและนักศึกษา เพื่อเสริมทักษะและทัศนคติในการเป็นผู้ประกอบการ และสุดท้ายควรเชื่อมโยงหลักสูตรเข้าสู่ระบบคลังหน่วยกิต (credit bank) เพื่อสะสมหน่วยกิตและผลการศึกษา ตามนโยบายกระทรวง อว. รวมถึง ควรประเมินความคุ้มค่า ผลกระทบ และความยั่งยืนที่จะเกิดขึ้น” ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ กล่าวที่มา : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
3 เมษายน 2568     |      1974
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ร่วมพิธีมอบทุนการศึกษาหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCC) ประจำปีการศึกษา 2567
วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 นางตรีรัตน์ มาร์คว๊าร์คเสน หัวหน้างานประสานงาน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้รับมอบหมายเป็นผู้แทนเข้าร่วมพิธีมอบทุนการศึกษาหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCC) ประจำปีการศึกษา 2567 โดยมีนายวันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานและ นายฮิโรยาสุ ซาโต้ รองประธานและประธานส่วนการศึกษา คณะกรรมการฝ่ายความช่วยเหลือสังคม ของหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ เป็นผู้มอบทุนการศึกษาหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCC) ประจำปีการศึกษา 2567 ในการนี้มหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้รับทุนจำนวน 3ทุน ระดับปริญญาตรี จำนวน2ทุน ปริญญาโทจำนวน1 ทุน ซึ่งเป็นทุนการศึกษาแบบให้เปล่าและไม่มีข้อผูกพันใด ๆ ที่จัดสรรให้แก่นิสิต นักศึกษาระดับปริญญาตรี และปริญญาโท ที่ศึกษาอยู่ในคณะหรือสาขาวิชาต่าง ๆ ทุกสาขาวิชา และเฉพาะสาขาวิชาทางด้านสิ่งแวดล้อมในสถาบันอุดมศึกษาที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย ม.ขอนแก่น ม.เชียงใหม่ ม.แม่โจ้ ม.เทคโนโลยีสุรนารี ม.สงขลานครินทร์ และ ม.เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตเชียงใหม่ โดยหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ ได้จัดสรรเงินทุนการศึกษาให้แก่นิสิต นักศึกษาในระดับปริญญาตรี จำนวนทุนละ 40,000 บาทต่อปีการศึกษา เป็นระยะเวลา 4 ปีการศึกษา และจัดสรรเงินทุนการศึกษาระดับปริญญาโท จำนวนทุนละ 50,000 บาทต่อปีการศึกษา เป็นระยะเวลา 2 ปีการศึกษา และต่อมาในปีการศึกษา 2567 ให้การสนับสนุนทุนการศึกษาเพิ่มเติมจากเดิม โดยจัดสรรทุนการศึกษาให้แก่นิสิต นักศึกษา ระดับปริญญาตรีที่ศึกษาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ ในสถาบันอุดมศึกษา จำนวน 5 แห่ง ประกอบด้วย ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ม.เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (วิทยาเขตบางพระ) ม.เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (ศูนย์นนทบุรี) ม.เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ (ศูนย์เทคนิคกรุงเทพฯ) และสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น เพื่อเป็นทุนการศึกษาตามระยะเวลาการศึกษาของหลักสูตร ปีการศึกษาละ 25 ทุน จำนวนทุนละ 40,000 บาทต่อปีการศึกษา รวมทุนการศึกษาที่หอการค้าญี่ปุ่น–กรุงเทพฯ จัดสรรให้แก่นิสิต นักศึกษา จำนวนปีการศึกษาละ 50 ทุน ณ ห้องบอลรูม โรงแรมแบรนด์ กรุงเทพฯ
8 เมษายน 2568     |      153
หัวหน้างานประสานงาน ได้รับมอบหมายจากอธิการบดี ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงาน SkillUp อย่างเป็นทางการ
เมื่อวันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2566นางตรีรัตน์ มาร์คว๊าร์คเสน หัวหน้างานประสานงาน ได้รับมอบหมายจากอธิการบดี ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงาน SkillUp อย่างเป็นทางการของบริษัท Umbrella Education และ Deloitt Southeast Asiaโดย Deloitte ผู้นำระดับโลกด้านบริการระดับมืออาชีพ และ Umbrella Education ซึ่งเป็นองค์กรด้านนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีการศึกษา ได้ร่วมมือกันเพื่อแนะนำ "Skillup Platform" แพลตฟอร์มดังกล่าวคาดว่าจะพลิกโฉมภูมิทัศน์ทางการศึกษาในภูมิภาคอาเซียน นักพัฒนาหวังว่าจะเสริมศักยภาพและยกระดับทักษะของนักเรียน 1 ล้านคนทั่วอาเซียนผ่านแพลตฟอร์มนี้ภายในสี่ปีข้างหน้า ณ วิคเตอร์คลับ สาทรสแควร์ สีลม บางรักกทม.
3 เมษายน 2568     |      1469
ผู้บริหาร ม.แม่โจ้ ร่วมพิธีลงนามความร่วมมือในการผลิตและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ ระหว่างมูลนิธิชัยพัฒนา และ บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด พร้อมเปิดตัวชุดปลูกผัก “จันกะผัก ส่งรักปีเสือ 2565”
ผู้บริหาร ม.แม่โจ้ ร่วมพิธีลงนามความร่วมมือในการผลิตและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ ระหว่างมูลนิธิชัยพัฒนา และ บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด พร้อมเปิดตัวชุดปลูกผัก “จันกะผัก ส่งรักปีเสือ 2565”วันอังคาร ที่16 พฤศจิกายน 2564ผู้ช่วยศาสตราจารย์พาวิน มะโนชัย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ฉันทนา วิชรัตน์ อาจารย์คณะผลิตกรรมการเกษตร เข้าร่วมพิธีลงนามความร่วมมือในการผลิตเมล็ดพันธุ์ ระหว่างมูลนิธิชัยพัฒนา และ บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด เปิดตัวชุดปลูกผัก “จันกะผัก ส่งรักปีเสือ 2565” โดยมี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นประธานในพิธีสำหรับเมล็ดพันธุ์พระราชทานที่จะดำเนินการผลิตและจำหน่ายมีจำนวน 16 ชนิด ซึ่งเป็นการปรับปรุงพันธุ์โดยทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จำนวน 10 ชนิด ประกอบด้วย ถั่วฝักยาวสีม่วงสิรินธร เบอร์ 1 /ถั่วแขกสีม่วงสิรินธร เบอร์ 1 /ถั่วแขกสีเหลืองเทพรัตน์ เบอร์ 1 /ถั่วฝักยาวลายเสือจักรพันธ์ เบอร์ 1 /มะเขือเปราะพวงหยกจักรพันธ์ /พริกขี้หนูปู่เมธ เบอร์ 1 /พริกขี้หนูพัฒนฉันท์ /ผักกาดหอมห่อสีม่วง ช่อผกาพัฒนาเอง /ผักกาดหอม สลัดสวยงาม และแตงไทยหอมละมุนโอกาสเดียวกันนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ฉันทนา วิชรัตน์ อาจารย์ประจำสาขาพืชผัก มหาวิทยาลัยเเม่โจ้ หัวหน้าโครงการปรับปรุงพันธุ์ผักศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ ตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้บรรยายประวัติความเป็นมาของแต่ละสายพันธุ์ที่ทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้ดำเนินการปรับปรุงพันธุ์ ให้แก่ผู้เข้าร่วมงานได้รับทราบ ณ ห้องประชุม 101 ชั้น 1 สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา อรุณอมรินทร์ กรุงเทพมหานคร
3 เมษายน 2568     |      2525